วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560

[Review] 4 สถานที่ เล่นเกมหนีออกจากห้องในกทม.

 

Edit : 2 Aug 2017 จากการไปเล่นมาเพิ่มเติม

ความจริงเราสนใจเกมหนีออกจากห้องมานานแล้ว ซึ่งที่แรกที่เห็นเลยก็คือ Break Away ที่อยู่ตรงลิโด ซึ่งตอนนั้นหาสมาชิกไม่ได้ ประกอบกับรู้สึกว่าค่าเล่นแพง ก็เลยผัดไปเรื่อยๆ จนอยู่มาวันหนึ่งตัดสินใจกับน้องสาวว่าจะไปเล่นกัน 2 คนนี่แหละ เป็นของขวัญวันเกิดให้ตัวเอง แต่กว่าจะถึงตอนนั้น Break Away ก็ปิดไปแล้วค่ะ เราก็เลยหาว่าตอนนี้ในกรุงเทพฯ มีที่อื่นๆ ไหมนะ

พอได้เล่นครั้งนึงก็ชอบ เลยได้มีโอกาสไปเล่นหลายๆ ที่ ซึ่งมีทั้งจ่ายเงินเองเต็มจำนวน, ไปเล่นตอนมี Promotion ลดราคา และเล่นฟรีเพราะตอบปริศนาหน้าเพจได้ค่ะ

ก่อนที่จะไป Review แต่ละที่เรามาพูดถึงส่วนที่เหมือนๆ กันของทุกที่กันก่อน

Escape Game?

คุณเคยเล่นเกมในคอมพิวเตอร์ที่ต้องหาของต่างๆในห้อง และค่อยๆ แก้ปริศนาและไปยังห้องถัดไปหรือเปล่า เกมนี้ก็คล้ายๆกัน เพียงแต่มันถูกยกออกมาทำให้เราสัมผัสได้จริงๆ

ส่วนที่ต่างออกจากเกมในคอมพิวเตอร์ก็คือ ถ้าเป็นในคอมพิวเตอร์เราอาจจะต้องไปหาไม้มาเขี่ยของ หาค้อนมาทุบกระจก แต่ในเกมนี้ส่วนใหญ่จะเป็นการหา code มาปลดตัว Lock มากกว่า ซึ่งก็มีทั้ง code แบบที่ได้มาตรงๆ หรือแบบที่ต้องแก้ปริศนาเพื่อให้ได้มา

ก่อนอื่นเริ่มจากนัดเพื่อนให้ได้ก่อน ทุกๆที่จำนวนคนเล่นต่ำสุดต่อรอบคือ 2 คน ส่วนจำนวนสูงสุดคือ 4-7 คนแล้วแต่ว่าไปเล่นที่ไหนและห้องไหน เมื่อรวบรวมเพื่อนๆ ได้ก็จองเกมและจองห้องล่วงหน้าเพื่อที่ Staff จะได้เตรียมห้องไว้ให้เรา

ไปถึงก็จ่ายเงิน+ฝากกระเป๋าไว้ แล้ว staff ก็จะ brief กฏคร่าวๆ เช่น อะไรที่ไม่เกี่ยวกับเกม อะไรที่ห้ามเคลื่อนย้าย ขอตัวช่วยอย่างไร นับเวลาอย่างไร ฯลฯ พร้อมกับแจกอุปกรณ์(ถ้ามี) และบอกเนื้อเรื่องของแต่ละห้อง ซึ่งวิธีเล่าอาจจะต่างกันไป ให้ staff เล่า, ให้ฟังจากลำโพง, ให้ดู VDO

เนื้อเรื่องนี้ความจริงก็ไม่ได้ช่วยในการไขปริศนาหรอก แต่รู้เรื่องเรื่องเราก็จะรู้จุดประสงค์ของสิ่งที่เราจะหา และทำให้สนุกขึ้น

หลังจากนั้นเราก็จะถูก lock อยู่ในห้อง ค่อยๆ แก้ปริศนาไป จนกว่าจะชนะ หรือหมดเวลา(แพ้) แต่ไม่ต้องเป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นในนั้น เพราะทุกที่จะมีกล้องวงจรปิดอยู่ และถ้าติดไขปริศนาไม่ออก หรือมีปัญหาใดๆ เราก็สามารถแจ้ง Staff เพื่อขอตัวช่วยได้

พอออกมาแล้วก็จะมีน้ำเสริฟ และให้มาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก แล้วกลับบ้านได้

มาพูดถึงความรู้สึกหลังจากเล่นแต่ละที่ดีกว่า

แต่ละที่เราไปเล่น 2-3 ครั้ง สลับกันขึ้นกับว่าที่ไหนมี Promotion บ้าง เนื่องจากเราไม่ควร review สิ่งที่อยู่ในห้อง จะทำให้หมดสนุก ดังนั้นจะไม่ review รายห้องแต่ขอบอกเป็นความรู้สึกโดยรวมกับแต่ละที่ เราขอเรียงลำดับจากครั้งแรกที่เราไปเล่นในแต่ละที่นะคะ

หมายเหตุ : ข้อมูลบางอย่างเป็นข้อมูลที่ได้มาตอนไปเล่น ซึ่งอาจจะจำผิด หรือตอนนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงไปบ้าง ถ้าใครเห็นว่าผิดก็แจ้งได้ค่ะ

1) Escape Room

image

Web : http://www.escaperoom.com/bangkok/

สถานที่ตั้ง : ชั้น 7, MBK Center (BTS สนามกีฬาแห่งชาติ หรือ BTS สยาม)

ราคา : 2 - 6 คน คนละ 550 บาท

ห้อง : 6 ห้อง (UP / ROOM13 / PRISON BREAK / THE MUMMY / THE MYSTERIOUS ROOM / CRIME SCENE)

ระยะเวลาในการเล่น : 45 นาที

ตัวช่วย : 3 ครั้ง / เรียกด้วยวิธีกดปุ่ม

Review

เป็นที่แรกที่ไปเล่น โดยเลือกห้อง Mummy เพราะเห็นว่าง่ายสุดและน่ากลัวน้อยที่สุด (ตอนนั้นยังไม่มีห้อง up) ซึ่งทำเอาผิดหวังและเกือบจะเลิกเล่นเกมแนวนี้ไปแล้ว ซึ่งถ้ามาคิดดูทีหลังอาจจะเพราะเป็นการเล่นครั้งแรก พอติดก็งงและนั่งคิดอยู่อย่างนั้น ทำให้รู้สึกเหมือนไม่ค่อยได้เล่น แต่พอครั้งหลังก็รู้สึกว่าสนุกดี นอกจาก Mummy แล้วเราเล่น ROOM13 และ PRISON BREAK ออกแนวหลอนทั้ง 2 ห้อง ส่วนตัวชอบ ROOM13 มากกว่าสนุกกว่าและหลอนกว่า

- คนที่อยู่เคาท์เตอร์ต้อนรับโอเคนะคะ แต่ Staff ที่คอยช่วยในเกมแย่ที่สุดเมื่อเทียบกับทุกที่ เวลาเข้ามาใบ้ หรือมาเฉลยตอนจบดูเหมือนไม่เต็มใจทำ ทำมานานจนเบื่อ รีบๆบอกให้จบๆไป เช่น ครั้งแรกที่ไปเล่น ก่อนเริ่มเกมจะมีเสียงจากลำโพงเล่าเรื่องก่อนเริ่มเกม Staff บอกเราประมาณว่า “เดี๋ยวจะมีเสียงเล่าเรื่องนะคะ แต่ไม่ต้องฟังก็ได้” เข้าใจนะว่าอาจจะไม่อยากให้เรากังวลถ้าฟังไม่ออก แต่น่าจะมีคำที่ดีกว่านี้ เช่น “เดี๋ยวจะมีเสียงเล่าเรื่องนะคะ แต่ถ้าไม่ได้ยินหรือฟังไม่ทันไม่มีผลกับเกมค่ะ”

- ห้องเล่นเกมดี โดยส่วนตัวคิดว่ากลไกที่นี่อลังการที่สุดใน 4 ที่ แต่ปริศนาในแต่ละห้องค่อนข้างยาก และดูหลอนๆ เกือบทุกห้อง

- ตอนที่เล่น Mummy อุปกรณ์บางอย่างเช่นพวกคำใบ้ดูเลือนๆ เหมือนดูแลไม่ดี(หรือเขาตั้งใจให้มันเลือนก็ไม่รู้นะ)

- ถ้าขอคำใบ้ staff จะเข้ามาใบ้ให้ในห้อง

- เป็นที่เดียวที่มี locker ให้เก็บกระเป๋าแล้ว lock กุญแจไว้

- ตอนที่เล่น ROOM13 ให้ไฟฉายมาอันเดียว ถ้าต้องการอีกจะต้องจ่ายมัดจำไว้ ซึ่งเราว่ามันค่อนข้างคิดเล็กคิดน้อยเกินไป (แต่มีเพื่อนไปเล่นวันรุ่งขึ้นบอกว่าไม่ต้องมัดจำ)

- เนื้อเรื่องจะเป็นแนวถูกขังไว้และต้องหนีออกมา ถ้าไขปริศนาเสร็จคือจะปลด lock ห้องออกมาได้ ทำให้ได้อารมณ์ว่าหนีออกมาสำเร็จ

- มีน้ำเปล่าให้คนละขวด

- พร็อบถ่ายรูปจะออกแนวของเล่น เช่น ดาบ ขวาน หมวก

- เป็นที่เดียวที่ไม่ว่าจะไปเล่นกี่คน ราคาต่อคนก็เท่าเดิม(ที่อื่นถ้าเล่นหลายคนราคาต่อคนจะยิ่งถูกลง) และตอนนี้มี promotion dtac reward ลดราคาได้ถึง กพ. 2561

2) Ticket to mystery

image

Web : http://tickettomystery.com/th/

สถานที่ตั้ง : ชั้น 3, Gateway Ekamai (BTS เอกมัย)

ราคา : 2 คน-1600฿ /  3 คน-2300฿ / 4 คน- 2900฿ / 5 คน- 3400฿

ห้อง : 4 ห้อง (GHOST TOWER / Ripper London / HONJO SWORD / Course of Pharaoh)

ระยะเวลาในการเล่น : 60 นาที

ตัวช่วย : 3 ครั้ง / ใช้ walky-talky

Review

เป็นที่ที่สองที่ไปเล่นค่ะ หลังจาก fail จาก escape room มาแล้ว พอดีเห็น FB ของ ticket to mystory จัดกิจกรรมไขรหัสก็เลยเข้าร่วมและได้รางวัลเล่น 1 ครั้งฟรีค่ะ ซึ่งหลังจากเล่นแล้วก็รู้สึกสนุกจนชอบเกมประเภทนี้เลยค่ะ เราเคยเล่นครบ 4 ห้องแล้ว ชอบห้อง Ghost tower ที่สุด

ครั้งแรกที่ไปเล่นที่นี่ตอนนั้นเขาให้ปุ่มกดใส่กระเป๋าห้อยคอมา เมื่อเรากดแล้วเสียงจะดังข้างนอกและ staff ก็จะเข้ามาใบ้ หรือดูว่ามีปัญหาอะไร ในตอนนั้นเรากับน้องก็งงกับปริศนาบางอย่างที่ไขไม่ออกอยู่นาน และอยู่ๆ staff ก็โผล่มาถามว่าขอตัวช่วยหรือเปล่า ซึ่งความจริงเราไม่ได้กดปุ่มค่ะ แต่ไหนๆ ก็เข้ามาแล้วเราก็เลยขอคำใบ้ซะเลย ตอนแรกก็คิดว่าเผลอไปโดนหรือเปล่า ก็เลยถอดกระเป๋าวางทิ้งไว้บนโต๊ะ แต่หลังจากนั้น Staff ก็ยังเข้ามาถามทั้งที่ยังไม่กดปุ่ม ตอนนั้นแอบคิดว่าเพราะไปบอกเขาว่าไม่เคยเล่น เขาอาจจะเห็นจากกล้องว่าเรางมปริศนานี้นานไปก็เลยเข้ามาถามหรือเปล่า แต่มาคิดดูอีกทีอาจจะมีอีกห้องเล่นพร้อมกันแล้วเขาอาจจะไม่รู้ว่าห้องไหนกดปุ่ม (แต่ตอนนี้เขาเปลี่ยนเป็น walky-talky แล้วนะคะ คุยกับได้เลยว่าติดตรงไหนอยู่ Staff จะช่วยใบ้ให้ ถ้าใบ้ยังไงก็ยังผ่านไปไม่ได้เขาก็จะเข้ามาช่วยดูค่ะ)

- แนะนำมากสำหรับคนเล่นครั้งแรก เพราะเกมไม่ยากจนเกินไป ทำให้สนุกและไม่เสียกำลังใจในการเล่น พอจับแนวทางได้แล้วค่อยไปเล่นที่อื่นที่ยากขึ้น

- Staff เอาใจใส่และ friendly มาก โดยเฉพาะคุณพี่ผู้หญิงใส่แว่น น่ารักมากๆ

- ลูกเล่น/กลไกในห้องมีอยู่บ้าง แต่ไม่มาก บางห้องการตกแต่งดูเรียบไปหน่อย

- ล่าสุดที่ไป ขอคำใบ้โดยใช้ walky-talky ซึ่งดีตรงที่ไม่เสียเวลารอ staff เข้ามาในห้อง และรู้ได้เลยว่า Staff ได้ยินเราหรือเปล่า

- เนื้อเรื่องจะเป็นแนวหาของไปคืน เมื่อไขปริศนาเสร็จแล้วห้องก็ยัง lock ยังออกจากห้องไม่ได้จนกว่า staff จะมาเปิด

- Staff มีไม่เยอะ ถ้าเล่นพร้อมกันหลายห้องแล้วมีคนขอคำใบ้พร้อมกันอาจจะต้องรอ(แต่เท่าที่เคยเล่นก็รอไม่นานมาก และตอนนี้ใช้ walky-talky แทนก็น่าจะเร็วขึ้น)

- มีน้ำเปล่าให้คนละขวด

- พร็อบถ่ายรูปเป็นของเก๋ๆ เช่น พวกตะเกียง หมวก กระเป๋า ถุงมือ กล้องส่องทางไกล

- รอดูใน FB บางทีก็มีกิจกรรมหรือมีส่วนลด

 

3) Escape Hunt

image

Web : http://bangkok.escapehunt.com/th/

สถานที่ตั้ง : ชั้นใต้ดิน B2, อาคาร interchange21 (BTS อโศก)

ราคา : 2 คน-1800฿ / 3 คน-2400฿ / 4 คน- 2800฿ / 5 คน- 3000฿

ห้อง : ภาษาไทย&อังกฤษ 2 ห้อง(Legend of the NAGA / Lost in the city of angels) ภาษาอังกฤษ 1 ห้อง(Bangkok Blackmail)

ระยะเวลาในการเล่น : 60 นาที

ตัวช่วย : ไม่จำกัด แต่จะหักเวลา 1 นาทีต่อ 1 คำใบ้ / เรียกด้วยวิธีกดปุ่ม

Review

ที่นี่ก็เริ่มด้วยชิงรางวัลไปเล่นอีกแล้ว เล่นมา 2 ห้องคือ Lost in the city of angels กับ Legend of the NAGA ไม่รู้เรียกกว่าง่ายหรือยาก เพราะห้องแรกเราไขออกมาได้เร็วมาก ส่วนห้องที่สองนี่แทบจะไขไม่ได้สักปริศนา ขอคำใบ้รัวๆ

- ในทุกที่ ที่นี่มีระบบจัดการที่ดีที่สุดแล้ว จะมี game master รับผิดชอบ ซึ่ง game master จะคอยดูเราผ่าน monitor ตลอด บางทีเห็นเรางงๆ หาอะไรไม่เจอสักที ก็ตะโกนใบ้มาโดยไม่ได้ขอก็มี พอเล่นเสร็จก็จะมีให้ประเมิน game master ด้วย

- ปริศนาในห้องสอดคล้องกันเป็นเรื่องเล่า ที่อื่นจะเป็นแค่เอาตัวเลขตรงนี้ไปเปิดหีบ เปิดล็อค แต่ที่นี่ถ้าอ่านแต่ละปริศนาจะเห็นว่าสอดคล้องกับเนื้อเรื่องของห้องที่เราเล่น

- การตกแต่งในห้องโอเคดี มีกลไกบ้างพอสมควร

- มีห้องแบบเดียวกัน 2 ห้อง สามารถเล่นแข่งกัน 2 กลุ่มได้ว่าใครจะออกมาก่อนกัน(แน่นอนว่าจ่ายเงินเเสมือนจอง 2 ห้องนะ)

- มีชาร้อนให้หลังจากเล่นเสร็จ

- พร็อบถ่ายรูปมีชุดเป็นผ้าคลุมและหมวกนักสืบ+ไปบ์/แว่นขยาย ให้ถ่ายรูป(ชอบมาก) นอกนั้นก็มีพวกป้ายคำพูด

- รอดูใน FB บางทีก็มีส่วนลดมากน้อยต่างกันไปในแต่ละเทศกาล

 

4) Escape Break [สาขากทม. ปิดไปแล้ว]

image

Web : http://escapebreak.com/bangkok/

สถานที่ตั้ง : ชั้น 3 อาคาร NST One บนถนนสีลม ปากซอยสีลม 1 (ปิดไปแล้ว เหลือแต่สาขาสมุย)

ราคา : 2 คน-1700฿ / 3 คน-2250฿ / 4 คน- 2600฿ / 5 คน- 2750฿ / 6 คน- 3300฿ / 7 คน- 3850฿

ห้อง : 5 ห้อง (Kowloon Captive / Asylum / Relic Rush / Outbreak / Ghost Ship)

ระยะเวลาในการเล่น : 60 นาที

ตัวช่วย : ไม่จำกัด แต่จะบันทึกไว้ว่าใช้ตัวช่วย / เรียกด้วยการโบกมือให้กล้อง

Review

ที่สุดท้ายเพิ่งเปิดได้ไม่นาน และปิดไปแล้ว ถ้าใครสนใจคงต้องตามไปเล่นที่สมุย เราเล่นไปได้ 4 ห้องก่อนเขาจะปิดตัวไป ขาด Outbreak ยังไม่ได้เล่น ซึ่งได้ไปเล่น Asylum ตอนที่มี challange ว่าถ้าออกมาได้โดยไม่ใช้ตัวช่วยให้เล่นฟรี ซึ่งพบว่าห้องนี้ยากมาก(ใช้ตัวช่วยยังไม่น่าจะรอด) และดูจะมีอะไรแปลกใหม่ให้เล่น ใครเล่นเกมแนวนี้จนเริ่มเบื่อแล้วแนะนำให้มาเล่นห้องนี้เลย แต่ขอเตือนไว้อย่างนึงว่าใครเล่นห้องนี้จะต้องถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มโดน lock แยกกัน ใครไม่อยากโดนขังเดี่ยวก็ชวนให้ได้ 4 คนขึ้นไปแล้วกันนะ

- ที่นี่ดูเหมือนจะมี game master เหมือนกัน(เพราะตอน review ก็ให้ใส่ชื่อคน) แต่อะไรๆ ยังไม่เป็นระบบเหมือน Escape Hunt ดู Staff จะช่วยๆ กันมากกว่า

- ห้องตกแต่งสวย แต่ถ้าใครชอบกลไกอิเล็กทรอนิคส์อลังการที่นี่จะไม่มี แต่ก็ไม่น่าเบื่อนะ เพราะมีอะไรแปลกๆ ให้เล่นอยู่เหมือนกัน

- แต่ละห้องรองรับจำนวนคนเล่นได้ต่างกัน ตั้งแต่ 2-4 คน จนถึง 2-7 คน

- สามารถเลือกได้ว่าเวลาขอตัวช่วยจะให้ Staff คุยผ่านจอ(ในห้องจะมีจอภาพอยู่ เอาไว้ฉายเนื้อเรื่อง และแสดงว่าจุดนี้มีตัวช่วยไหม เราใช้ตัวช่วยไปหรือยัง) หรือจะให้ Staff เข้ามาในห้อง ซึ่งการคุยผ่านจอทำให้ดูตื่นเต้น และดูเหมือนเกมมากขึ้น แต่ข้อเสียคือเป็นการสื่อสารทางเดียว บางครั้ง Staff แค่ดูผ่านหน้าจอจะไม่ทราบว่าเราติดปัญหาตรงไหน โดยเฉพาะเราชอบผิดเรื่องโง่ๆ เช่น ใส่รหัสผิดด้าน หรือใส่รหัสถูกแล้วแต่ดึง lock ไม่ออก

- วิธีขอคำใบ้คือโบกมือให้กล้อง ประกอบกับจำนวน Staff ไม่มาก ทำให้เราไม่ค่อยแน่ใจว่า Staff เห็นที่เราโบกมือขอตัวช่วยหรือยัง โดยเฉพาะวันที่มีคนเล่นหลายห้อง ไม่แน่ใจว่า Staff กำลังดูห้องอื่นอยู่หรือเปล่า

- เนื้อเรื่องจะเป็นแนวถูกขังไว้และต้องหนีออกมา ถ้าไขปริศนาเสร็จคือจะปลด lock ห้องออกมาได้ ทำให้ได้อารมณ์ว่าหนีออกมาสำเร็จ

- มีน้ำอัดลมหรือน้ำเปล่าให้หลังจากออกมา

- พร็อบถ่ายรูปเป็นพวกป้ายคำพูดต่างๆ โดยส่วนตัวคิดว่าแสงที่นี่มืดไปหน่อย

วันอาทิตย์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2559

[Mini Review] One Piece Mugi Mugi Otedama

 

ในที่สุดก็ไปหาซื้อมาจนได้...
ในฐานะสาวก...อ.โอดะ
และในฐานะ(กำลังจะเป็น)คนรัก Tsum
2016-09-05 18.06.09
กว่าจะได้มานี่ไม่ใช่ง่ายๆ นะ

เรื่องมีอยู่ว่า น่าจะประมาณปลายปีก่อน น้องสาวมาบอกข่าวว่ามี page FB นึงบอกว่า One Piece กำลังจะทำ Tsum Tsum
ตอนนั้นก็งงๆ ว่าจริงเหรอ Tsum Tsum นี่ไม่ใช่ลิขสิทธิ์ของ Disney เหรอ แต่ดูไปดูมาก็น่าจะจริงนะ ของลิขสิทธิ์ด้วย
แล้วน้องสาวก็ like page นั้นไว้เฝ้ารอวันที่เขาจะเปิด pre-order
ซึ่งมันจะออกช่วย Spring เป็นช่วงใกล้ๆ ไปเที่ยวญี่ปุ่นพอดี เผื่อ jackpot เจอที่ Jump Shop... แต่ด้วยความที่เราไปช่วงต้น Spring มากๆ ก็อดไปตามระเบียบ

แต่ week ที่แล้วอยู่ๆ น้องสาวก็ดั๊นคิดยังไงไม่รู้ สงสัยว่า เออ สรุปมันออกหรือยังนะ ทำไม page ถึงไม่ feed ขึ้นมาให้สั่งสักที ก็ลองหาๆ ดู

สรุปว่ามันออกไปนานแล้วจ้า.....
แต่ขายเฉพาะใน Mugiwara Store เท่านั้น ไม่ขาย online ก็เลยไม่มีการให้ pre-order ตัวละ 600 Yen เอง น่าจะหมดไปนานแล้วด้วย
แต่อยากได้อ่า T_T

หาตาม web จนเจอใน ebay เจ้านึง ทั้งชุดราคาเกือบๆ 3 พัน บวกค่าส่งอีกก็สามพันต้นๆ
เอาวะ นี่ถูกสุดละ (ebay อีกเจ้า 4 พันกว่า ที่อื่นที่เจอก็หมื่นเยน up ไม่ส่งมาไทยอีกต่างหาก ต้องจ่ายค่านายหน้าซื้อที่ญี่ปุ่นอีก)
กดซื้ัอปั๊บ... error ค่ะ ... ลองใหม่ error อีกค่ะ... T_T มิน่ายังหลงเหลือราคานี้อยู่

message หาทั้งคนขายทั้ง ebay แก้ error ให้หนูด้วยยยยยยยยย

ระหว่างนั้น น้องสาวก็หา web ญี่ปุ่นเจออีก web นึง เปิด Auction อยู่ แต่ซื้อได้เลยในราคา 8XXX เยน
มองเวลาเหลืออีกไม่ถึง 24 ชั่วโมงจะปิด auction นี้
web ญี่ปุ่น ส่งแต่ในญี่ปุ่นอีก จะติดต่อนายหน้าทันไหมเนี่ย
หรือเราควรจะรอ ebay ตอบกลับดี แต่ ebay มี watchlist อยู่ตั้ง 6 คนเลยนะ...

ปกติน้องสาวซื้อของจากญี่ปุ่นผ่านนายหน้าเป็นประจำอยู่แล้ว เราก็เลยไม่มีปัญหาเรื่องนายหน้า เพราะมีเจ้าประจำอยู่

ขีดความอยากได้มันฉุดไม่อยู่แล้ว ณ จุดนี้ อันนี้ก็ได้ฟระ ถึงจะแพงกว่าก็ตาม
น้องสาวถามนายหน้าไปให้ qoute ราคามา...
นายหน้าตอบกลับมาอย่างไว
โอนเงิน online ทันที
เขาก็กดซื้อให้ทันทีเหมือนกัน

ขอบคุณเทพเจ้าแห่งการเสียเงิน ที่ประทานพรให้ซื้อได้สะดวกขนาดนี้

หลังจากนั้นก็เป็นหน้าที่น้องสาว confirm ที่อยู่ + ค่าส่งเพิ่มเติมนิดหน่อย

เมื่อวานเราก็ได้เจ้า Tsum มาที่บ้าน

ด้วยราคาที่เกือบๆ จะเปลี่ยน JPY เป็น THB ได้เลยโดยไม่ต้องคูณ exchange rate

ถามตัวเองว่าบ้าหรือเปล่า ซื้อมาได้ไง

หันไปมอง…เห็นหน้าลูฟี่ยิ้มให้

image

เออถ้าต้องบ้าถึงจะซื้อได้ ตรู บ้าก็ได้

ปล. ebay เจ้านั้นมีการตอบกลับมาจากทั้งเจ้าของและ ebay เอง เราก็ส่ง error กลับไปให้ เพื่อให้เขาตรวจสอบ วันถัดมาพบว่า item หายไปแล้ว น่าจะขายได้แล้ว

ปล2. หลังจากนั้น Mugiwara store thailand ก็เอาเข้ามาขาย(ราคาไม่แพง)ในวันเปิดร้าน แต่หมดอย่างไว ถึงยังไงก็ซื้อไม่ทันอยู่ดี เลยไม่ค่อยเสียดาย

 

บ่นมานาน เราไปดู review กันดีกว่า

ชุดนี้เราไม่เรียกว่า Tsum Tsum (น่าจะเพราะลิขสิทธิ์) เราเรียกว่า One Piece Mugi Mugi Otedama

ทั้งชุดมี 7 ตัว (หรือ 6 คนกับ 1 ตัว)
ประกอบด้วยลูกเรือ 5 คน คือ หนุ่มๆ 3 คน นามิ และช็อปเปอร์ กับ อีก 2 หนุ่มหล่อกระแสดี คือ เอส และ ลอว์
คือ อยากได้ลูกเรือให้ครบอ่า ขอ อุซป แฟรงกี้ โรบิน และ บรูก ด้วยได้ม๊ายยยยยยยย 2016-09-05 18.07.20

 

เรามาดูกันแบบรวมๆ ก่อน

นอนคว่ำ
2016-09-05 18.07.58

นอนหงาย
2016-09-05 18.08.35

ที่ต่างจาก Tsum ที่สุดก็ดูจะเป็นเท้าที่มีรองเท้าชัดเจน (Tsum เจ้าจะเป็นติ่งเล็กๆ อยู่ด้านล่างลำตัว)
เดาออกไหมว่าตูดใคร เท้าใครกันบ้าง
2016-09-05 20.03.11

ลูฟี่

เริ่มที่ลูฟี่ก่อน ยิ้มแฉ่งเชียว มีรอยแผลใต้ตาด้วย
2016-09-05 19.41.12

 

บนหมวกก็มีรอยด้วย
2016-09-05 19.42.02

 

รองเท้าลูฟี่จะเป็นรองเท้าแตะ มีผ้าผูกพุงก็เลยมีปลายเชือกห้อยๆ
2016-09-05 19.42.37

 

ใส่เสื้อเปิดอก โชว์รอยแผลเป็น
2016-09-05 19.43.16

โซโร

โซโร หน้าแบ๊วเชียว ถึงจะมีรอยแผลเป็นที่ตาก็เถอะ
แถมไอ้ตะมอยนั่นคืออาร๊ายยยย หน้าตาเหมือนที่คั่นหนังสือ หรือลิ้นงู (งูควรจะไปอยู่บนหัวซันจินะ)
เอาเหอะ ตลกไปอีกแบบ (ว่าแต่โซโรไม่ได้มีตะมอยชัดขนาดนี้นะ)
2016-09-05 19.43.41

 

คาดดาบ 3 อัน น่าร๊ากกกก อยากจะขโมยมาเล่น รองเท้าเป็นสีดำธรรมดา
2016-09-05 19.44.10

 

ดูด้านล่างจะเห็นรอยแผลเป็น และผ้าคาดพุงแบบลุงๆ
2016-09-05 19.45.03

ซันจิ

ซันจิ เป็น version ตารูปหัวใจ และมีหนวดด้วย
แต่เฮียแกตาบอดข้างนึงนะ ตาขวาไม่มี สาวๆ ก็สงสารเฮีย มอบความรักให้เฮียหน่อยแล้วกัน

2016-09-05 19.46.53

 

กางเกงดำคาดเข็มขัด รองเท้าดำแบบสุภาพบุรุษ
2016-09-05 19.47.29

 

เสื้อเป็นเชิ้ตสีเหลืองตัวเก่ง พร้อมไทด์ แต่ไม่ใส่สูททับนะจ๊ะ เพื่อสีสันที่สดใส
2016-09-05 19.47.44

นามิ

นางแมวขโมยนามิ ทำหน้าทะเล้นมาเชียว
2016-09-05 19.51.12

 

ชุดเก่งนามิ ท่อนบนใส่บิกินี่ผูกเชือกด้านหลัง ท่อนล่างกางเกงขายาวมีลายจุดข้างละ 2 จุด รองเท้าแตะสีส้ม
2016-09-05 19.51.44

 

ดูด้านล่างจะเห็นลายบิกินี่ แต่ version นี้อกไม่ตู้มนะจ๊ะ อิอิ
2016-09-05 19.52.03

ช็อปเปอร์

ช็อปเปอร์ดูหน้าเอ๋อๆ นะ
มีทั้งเขา และหู (หูเป็นแบบหูกวาง ซึ่งต่างจากคนอื่นที่หูจะกลมๆ)

2016-09-05 19.53.15

 

เท้าหลังเป็นกีบ เสื้อลายทาง กางเกงส้ม ไม่ค่อยมีกิมมิคอะไร
2016-09-05 19.53.43

 

ป็นคน(ตัว) เดียวที่มีขาหน้าเป็นกีบแปะไว้ คนอื่นจะเป็นตุ่มเล็กๆ ที่เสมือนเป็นมือ

2016-09-05 19.54.12

ลอว์

ลอว์ หนุ่มเจ้าเสน่ห์ ยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์นิดนึง
2016-09-05 19.56.15

 

เสื้อคลุมตัวเก่งมีชื่อคุณโคราซอนอยู่
2016-09-05 19.55.43

 

ด้านล่างเป็นรอยสักรูปหัวใจ
2016-09-05 19.55.52

เอส

สุดท้าย เอส ชายผู้ทำให้สาวๆ มากมายเสียน้ำตา(ตอนเฮียตาย)
หน้าตาแบ๊วมาก ถ้าดูดีๆ จะเห็นกระ ที่แก้ม 2 ข้างด้วยนะ
2016-09-05 19.56.50

ข้างหลังสักเครื่องหมายแสดงความจงรักภักดีต่อลุงหนวดขาว
2016-09-05 19.57.21

ข้างหน้าไม่มีอะไรมากเห็นแค่เข็มขัดกับสร้อย
2016-09-05 19.57.55

 

ป้าย tag ของแต่ละตัวจะมีชื่อเขียนไว้ด้วยนะ
2016-09-05 19.58.49

 

เอามาถ่ายรูปรวมกับ Tsum อีก 3 ตัว
.
ปล. ให้ท่านแม่เรียงลำดับความน่ารัก แม่บอกเอสน่ารักสุด(หลักๆ เพราะเปิดเหม่งเหมือนเด็กเอ๋อๆ ไม่รู้เอสจะดีใจหรือเปล่า)
ส่วนซันจิแม่บอกน่าเกลียดสุด เพราะผมปิดหน้า(น่าสงสารเนอะ)
ลอว์ก็ได้ลำดับสูงๆ สมเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์ ส่วนลูฟี่กับโซโรก็รั้ง 3 อันดับบ๊วยเหมือนกัน ทำไมแม่ทำกับพระเอกของเราอย่างนี้ T^T
2016-09-05 20.01.18