วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2552

ดูหนังเป็นบ้าอีกแล้ว O_o part 2

วันเสาร์ที่ 27 Dec 2008 เราก็ชิ่งออกไปดูหนังมาอีก 2 เรื่อง นับต่อจากตอนที่แล้ว

4. Australia

เรื่องย่อที่ copy มากจาก web : เรื่องราวของสาวผู้ดีอังกฤษ “เลดี้ ซาร่าห์ แอชลีย์” (นิโคล คิดแมน) ผู้ตามสามีของเธอมาที่ออสเตรเลีย เพื่อที่จะขายฟาร์มขนาดเท่าเบลเยี่ยมของเขา อย่างไรก็ตาม เธอเชื่อว่าเขาจะต้องกำลังนอกใจเธออยู่แน่ๆ เธอจึงไปเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับเขา เธอเริ่มออกเดินทางอย่างราชินีแอฟริกัน ร่วมเดินทางพร้อมกับ “นักต้อนสัตว์” (ฮิวจ์ แจ็คแมน) แต่ท้ายที่สุด เธอก็กลายมาเป็นผู้สืบทอดฟาร์มนั้น และเพื่อที่จะรักษามัน เธอกับนักต้อนสัตว์จึงต้องพาสัตว์ไปที่ดาร์วิน และการเดินทางนี้เอง ทำให้เธอตกหลุมรักกับคนต้อนสัตว์ และกับออสเตรเลีย ในขณะที่พวกเขาต้องเผชิญกับการทิ้งระเบิดที่ดาร์วิน โดยกองทัพญี่ปุ่นที่ได้เคยโจมตีก่อนหน้านี้ที่เพิร์ล ฮาร์เบอร์

อ่านแล้วไม่ค่อยจูงใจให้ไปดูเลย โปสเตอร์ก็ไม่ค่อยจูงใจเหมือนกัน หนังเรื่องนี้อยู่นอกสายตามากๆ จนกระทั้งได้ดูตัวอย่างหนัง ก็กะว่าจะต้องไปดูให้ได้ แล้วก็ไม่ผิดหวังเลย แถมยังคุ้มสุดๆ(หนัง 2 ชม. 40 นาที) ถึงหนังจะยาวแต่ก็ดูได้ไม่เบื่อตลอดเรื่อง ตอนดูๆ ไปถึงครึ่งเรื่องเหมือนกับเรื่องจะจบเพราะ happy ending แล้ว(ซึ่งถ้าจบไปตรงนั้นก็คงไม่ติดใจอะไร) แต่มันยังไม่จบครับ ยังมีต่ออีกยาววววว ถึงบอกว่ารู้สึกคุ้มเหมือนได้ดูหนัง 2 ภาคในคราวเดียว อิอิ นิโคล คิดแมน สวยมากๆ ด้วย ชอบผมทรงนี้ของเจ๊แกมากๆ

ใครยังไม่ดูก็แนะนำนะจ๊ะ

5. ฝัน หวาน อาย จูบ

ความรู้สึกก่อนดู : เข้าไปดูเพราะทุกคนวิจารณ์ว่ามันแย่ ก็เลยอยากรู้ว่าแย่ขนาดไหน ยังไง เข้าไปดูซะเลย (ประเด็นคือมีหนังหลายเรื่องที่ชาวบ้านบอกห่วย แต่พอเข้าไปดูแล้วชอบมาก) ตอนแรกก่อนเข้าโรงก็อยากดูตะหงิดๆ ไม่รู้จะดูดีไหม พยายามหาข้อมูลนอกจากตัวอย่างหนัง(ที่ไม่บอกอะไร) และคำพูดที่ว่าหนังรัก 4 เรื่อง 4 ผู้กำกับ XX นักแสดง (จำจำนวนนักแสดงไม่ได้) ก็พอจะได้เนื้อเรื่องคร่าวๆ ของ หวาน กับ อาย มา ส่วนเรื่องฝันก็รู้ว่าวง august เล่น พอหนังเข้าฉาย กระแสก็มาเลย ส่วนใหญ่จะผิดหวัง แต่ก็มีบางคนที่ชื่นชอบเหมือนกันนะ หลังจากอ่านวิจารณ์ คำชม คำด่า แล้ว ก็รู้สึกว่า คงจะเป็นหนังรักแนวๆ ไม่ใช่แบบปิดเทอมใหญ่ฯ แน่นอน ถ้าหนังแนว แต่ไม่แนวเกินเหตุ ชั้นดูได้ ว่าแล้วก็ตัดสินใจเข้าไปดู ด้วยอารมณ์อยากดูเดิมอยู่แล้วครึ่งนึง ส่วนอีกครึ่งนึงอยากรู้ว่ามันแนวขนาดไหนถึงด่ากันได้ขนาดนี้

ความรู้สึกหลังดู : ก็ไม่แย่นะ ถ้าไม่ได้ตั้งความหวังว่ามันเป็นหนังรักกุ๊กกิ๊ก (ค่อนไปทางชอบเพราะหนังเป็นแนวใหม่ๆ) ที่คนผิดหวังก็คงเพราะเหมือนถูกตัวอย่างหนังหลอกมากกว่า อารมณ์เดียวกับรักแห่งสยาม 'จูบ' เป็น หนังแนวมากๆ ดูจบแล้วบรรยายไม่ถูกเลย 'อาย' น่าจะเป็นเรื่องที่ออกแนวตลาดที่สุดแล้ว ถ้าเข้ามาดูเพราะตัวอย่างหนังก็คงชอบเรื่องนี้กันแหละ 'หวาน' หลายคนบอกว่าน่าจะเป็นขมมากกว่า เรื่องออกจะหนักๆ เป็น drama ไม่ใช่กุ๊กกิ๊ก แต่ชอบ plot เรื่องของเขานะ(ดูแล้วรู้สึกเกลียดพระเอกมาก) สุดท้าย 'ฝัน' เรื่องที่โดนด่ามากที่สุด เพราะ มันทำเป็น cartoon ไปมากกว่าครึ่งเรื่อง!!! แต่ดูแล้วก็สนุกดีนะ ขำๆดี ไม่แน่ใจว่าถ้า animation ทำออกมาได้ดีกว่านี้อาจจะโดนด่าน้อยกว่านี้ก็ได้นะ ความเห็นส่วนตัวชอบตอนนี้พอๆ กับอายเลยนะ เพราะว่าชอบดูการ์ตูนเด็กหรือเปล่าไม่รู้ แต่คนอื่นที่ตั้งใจไปดูหนังรักคงจะไม่ชอบล่ะนะ

 

สัปดาห์ต่อมาเป็นปีใหม่จำไม่ได้ว่าไปดูมาวันไหนในช่วงวันหยุด แต่ก็ไปดูอีก 2 เรื่อง

6. Bedtime Story

เรื่องย่อกึ่ง spoil: เมื่อสกีเตอร์เด็กชายผู้ฝันที่จะบริหารโรงแรมของพ่อเขา แต่โรงแรมกลับขาดทุนจนพ่อของเขาต้องขายมันให้เพื่อนไปก่อนที่เขาจะโต แต่เพื่อนของพ่อได้สัญญาว่าจะยกโรงแรมให้สกีเตอร์ในวันหนึ่ง สกีเตอร์ได้ทำงานเป็นนายสารพัดช่างให้โรงแรมอย่างขยันขันแข็ง และด้วยความรักเสมอมา แต่เขาก็ยังไม่มีโอกาสที่จะก้าวต่อไปเป็นผู้บริหาร(และดูท่าทางจะยังไม่มีอีกนาน) เรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นเมื่อเขาเล่านิทานก่อนนอนให้หลานฟัง และเรื่องนั้นกลายเป็นจริงขึ้นมา เขาพยายามจะเล่านิทานเพื่อทำให้ฝันของเขาเป็นจริง แต่นิทานจะเป็นจริงเฉพาะส่วนที่หลานๆ ของเขาช่วยกันคิดและเล่าออกมาเท่านั้น ซึ่งหลานตัวแสบก็ไม่ได้เล่าแต่เทพนิยายซะด้วย ความน่ารัก ปนเสียงหัวเราะจึงเกิดขึ้น

ความเห็นส่วนตัว : โดยส่วนตัวเป็นคนชอบหนังแนว Disney อยู่แล้ว และเรื่องนี้ก็ทำออกมาได้แนว Disney เลยล่ะ เป็นหนังที่น่ารักมากๆ ทั้งในเนื้อเรื่องหลัก และรายละเอียดเกี่ยวกับนิทาน สอนทั้งความผูกพันของครอบครัว การเสียสละ การทำความฝันให้เป็นจริง ที่ชอบมากคือความคิดในการโยงนิทานสุดแสนมหัศจรรย์ให้กลายเป็นจริงได้ในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ใบนี้

เป็นอีกเรื่องที่แนะนำนะจ๊ะ

7. Madagascar

เรื่องย่อ: จากภาคที่แล้ว ชาวสวนสัตว์เดินทางออกจาก Madagascar โดยเครื่องบิน penguin airline เพื่อจะกลับ New York แต่กลับไปตกปุ๊กอยู่ที่ Africa เรื่องฮาๆ จึงเกิดขึ้น

ความเห็นส่วนตัว :  ยังเล่นมุขกันได้ทั้งเรื่อง คนที่ชอบภาคแรก ชอบการ์ตูน Dreamwork พลาดไม่ได้ แต่ไม่ได้ประทับใจมากมายเป็นการส่วนตัว คงเพราะมันตั้งใจยิงมุขเกินไป เรื่องสอนใจมีอยู่มากมาย ทั้งมิตรภาพ ความรัก เรื่องของพ่อลูก หรือการเต้นก็ช่วยชีวิตท่านได้ (อิอิ) แต่จับประเด็นหลักไม่ค่อยได้ (หรือว่าตูโง่เอง) สุดท้ายที่อเล็กซ์จำมาร์ตี้ได้เหมือนจะซึ้ง แต่ดันตบมุขวงกลมที่วาดไว้ที่ตูดซะงั้น

น้องเพนกวินดูจะเป็นจุดที่ทุกคนกล่าวขวัญว่ามันแรง และขโมยซีนได้ตลอดเวลา แต่ว่าเรากลับชอบมุขของเพนกวินในภาคแรกมากกว่า ภาคนี้ถูกใจแค่ตอนแรกสุดที่น้องกวินมาตกปลา กลับไปชอบมุขม้าลายหน้าเหมือนๆ กันมากกว่า คงเพราะภาคนี้เพนกวินถึงจะแรง แต่ดูว่ามันไม่โผล่มาขโมยซีน แต่เรายกซีนให้มันเลยต่างหาก ต่างจากภาคแรกที่เนื้อเรื่องหลักก็ดำเนินไป เจ้าเพนกวินน้อยๆ จะโผล่มาตบมุขเป็นระยะ ที่สำคัญ skipper นอกใจไปแต่งกับน้องเด้งๆ T^T (เกี่ยวไหมเนี่ย)

จบแล้ว

คราวหน้าจะพยายาม up เรื่องที่ไม่ใช่หนังนะ ถ้าไม่ขี้เกียจ

วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2552

ดูหนังเป็นบ้าอีกแล้ว O_o

entry สองอันก่อน มาอ่านอีกทีเหมือนจะเครียดไปหน่อย - -" ไม่ได้ตั้งใจ คงเพราะยกตัวอย่างเรื่องฆ่าคนละมั้ง แค่รู้สึกตะหงิดขึ้นมาเฉยๆ ว่าทำไมเวลาคนเราได้ฟังความเห็นที่แตกต่างจากตัวเอง ถึงจะต้องเถียงกันด้วยฟะ แค่รับฟังมาแล้วแก้ไข หรือถ้าไม่จริงก็ปล่อยไปไม่ได้หรือไง (ในที่นี้ก็หมายถึงตัวเองด้วยแหละ) คงเป็นเพราะพอมีความเห็นที่ต่างจากตัวเอง แล้วจะรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดล่ะมั้ง ถ้าเป็นความเห็นที่ไม่เข้าท่าก็คิดว่าเขาโง่ อยากจะให้มีความเห็นแบบฉลาดๆ ขึ้นมาบ้าง แต่ถ้าเป็นความเห็นที่ดูมีเหตุผลกว่าตัวเอง ก็ยิ่งรู้สึกว่าสิ่งที่เชื่ออยู่มันผิดและพยายามเถียงเพื่อให้ความเห็นของตัวเองดูมีเหตุผลขึ้น

ตกลงตูจะไม่เครียดนะเนี่ย - -" เบื่อพวกมองโลกเป็นขาวกับดำ(ตอนนี้ต้องเหลืองกับแดงสินะ)

กลับเข้าเรื่องหนังดีกว่า ไปดูหนังมา 3 เรื่อง 2 สัปดาห์ จะเอามาเขียนก็เขียนไม่ทัน เลยเอามารวมกันอย่างย่อๆ แล้วกันนะ ว่าดูแล้วคิดยังไง ใครอยากรู้ spoil หรือเรื่องย่อ ติดต่อหลังไมค์

คำเตือน ข้อความด้านล่างอาจมีการ spoil ตั้งแต่เล็กน้อย จนถึง มากที่สุด ขอให้ผู้อ่านระวังเอาเอง ไม่งั้นก็ไม่ต้องอ่านซะเลยนะ :P

วันเสาร์ที่ 20 Dec 2008 ไปดูมา 3 เรื่อง เริ่มด้วยตอนเช้า

1. Happy Birthday

เรื่องย่อกึ่ง spoil : เภากับเต็นพบกันด้วย 3 สิ่ง ความชอบท่องเที่ยว หนังสือเล่มหนึ่ง และความมือบอน ด้วยการทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ทั้งสองคนสนิทกันอย่างรวดเร็ว และไปเที่ยวที่ต่างๆ ด้วยกัน และความรักก็ก่อตัวขึ้น จนวันหนึ่งที่เภาถูกรถชน แม้ว่าหมอจะบอกว่าไม่มีหวัง แต่ถ้าเภายังหายใจอยู่ถึงจะด้วยเครื่องช่วยหายใจก็ตามที เต็นก็จะดูแลเภาตลอดไป จนกว่าเธอจะฟื้น หรือตายจากไปจริงๆ

เป็นหนังเรื่องที่ดู trailer แล้วทำให้อยากดูขึ้นมา ร้องไห้ตอนดู trailer ด้วย สับสนเหมือนกันว่าจะเข้าไปดูหรือเปล่า เพราะกลัวว่าฉากซึ้งๆ จะอยู่ใน trailer ซะหมดแล้ว

แต่สรุปก็ได้เข้าไปดู แล้วก็ชอบมากๆ ด้วย ครึ่งแรกเป็นเรื่องน่ารักๆ ของทั้งสองคน ดูแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ ยิ่งดูยิ่งอยากไปเที่ยวเหนืออีกสักหลายๆ รอบ (ทำไมตอนตูไปถ่ายรูปมาไม่เห็นได้แบบนี้เลย T_T) จนกระทั่ง เปรี้ยง! เภาโดนรถชน หลังจากนั้นเรื่องก็เศร้าไปเลย(อีนี่ร้องไห้ไม่หยุดเลย) อาจจะมีบางฉากบ้างที่มันดูตลก ก็ไม่รู้ว่าเขาจะใส่มาให้หนังมันคลายความเครียดลง หรือว่าเขาไม่ตั้งใจให้มันตลกก็ไม่รู้ ในขณะที่คนอื่นหัวเราะ ก็คิดว่าการกระทำที่ดูตลกนี้มันตลกจริงๆเหรอ การที่เต็นจะขับรถไปทำงานแต่ก็วนกลับมาที่บ้านตลอด มันแสดงถึงความเป็นห่วงอย่างมาก(คงเพราะก่อนหน้านั้นสายช่วยหายใจเพิ่งจะพับไปทำให้เภากระตุก) ถ้าคนที่อยู่ในบ้านนั้นเป็นแม่กับลูกที่เพิ่งคลอดฉากนี้คงจะทำให้อมยิ้มออกมาได้ง่ายๆ แต่เมื่อในบ้านเป็นคนป่วยที่หายใจเองยังไม่ได้ ฉากนี้ถึงจะดูงี่เง่า แต่ก็ซาบซึ้ง และเจ็บปวด อีกเรื่องนึงคือ เพลง happy birthday จาก ส.ค.ส. ใครจะรู้สึกว่าถ้าฟังไม่จบแล้วจะหดหู่ได้ขนาดนี้ =.= อีกฉากที่ชอบคือตอนที่เต็นคุยกับเภา(ในจินตนาการ) ว่าเภาตายไปแล้วนะปล่อยเภาไปเถอะ ให้ความรู้สึกสับสนนะ ว่าเภามาคุยกับเต็นจริงๆ หรือว่าเต็นแค่คิดไปเองกันแน่

เรื่องนี้หลายๆ คนชอบเลยล่ะ และก็มีคนที่บอกไม่ชอบอยู่เหมือนกันนะ แต่ถ้าถามความเห็นส่วนตัว ชอบมากๆ เลย

2. Beverly Hills Chihuahua

เรื่องย่อกึ่ง spoil : น้องหมาสาวสวยประจำ Beverly Hills ต้องตกระกำลำบากเมื่อเจ้านายของเธอต้องไปทำงานที่อื่น และฝากเธอไว้กับหลานสาวผู้ไม่มีความรับผิดชอบ ซึ่งได้พาเธอไปเที่ยวด้วยจนถูกโจรลักพาตัวไปที่บ่อนกัดหมา(คงคล้ายๆ กับชนไก่บ้านเรา) เธอหนีออกมาได้แต่ก็หลงทาง ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนหมาอีกตัวทั้งสองพยายามหาทางพาเธอกลับบ้าน ในขณะที่คนร้ายซึ่งเพิ่งรู้ว่าเธอเป็นใครก็พยายามจะจับตัวเธอไปเรียกค่าไถ่ และระหว่างการเดินทางเธอก็ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆมากมาย การภูมิในในสายพันธุ์ชิวาวาอันเก่าแก่ มิตรภาพ และรักแท้

ความเห็นส่วนตัว : เป็นหนังที่น่ารักดี จุดฮาของมันคงอยู่ที่ความน่ารักของน้องหมาทั้งหลาย แต่บางมุขดูแล้วก็ไม่ฮา(ไม่รู้เส้นลึกไปเองหรือเปล่า) ชอบตอนที่นางเอกไปเจอเมืองชิวาวามากๆ ชิวาวาเต็มเลย ตลกดี ส่วนอื่นๆ โดยรวมก็น่ารักสมเป็นหนัง Disney ดูได้เพลินๆ ไม่ถึงกับประทับใน แต่ถ้าใครเป็นพวกรักหมาคงจะชอบมาก

3. Pride and Glory

เรื่องย่อกึ่ง spoil : ในวันหนึ่งตำรวจ 4 นายเข้าบุกจับคนร้าย แต่คนร้ายรู้ตัวอยู่ก่อนแล้วจึงยิงตอบโต้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และตาย พระเอกของเราจึงต้องมาสอบสวนคดีนี้ ยิ่งสืบลึก เขาก็ได้รับทราบว่ามีตำรวจที่รับสินบนอยู่ แต่ทว่าถ้าเขาเปิดเผยความจริงอาจทำให้พี่ชายของเขาหมดอนาคต ยิ่งไปกว่านั้นอาจโดนกล่าวหากลับอีกต่างหาก สุดท้ายแล้วเขาจะเลือกอะไร ศักดิ์ศรี หรือ ครอบครัว

ความเห็นส่วนตัว : ตัวอย่างหนังน่าดูมาก แต่ดูจริงแล้วจะหลับ อาจจะเพราะโครงเรื่องไม่ค่อยมีจุด peek + นอนน้อย + ดูเป็นเรื่องที่ 3 แล้ว แต่ก็ดีในแง่ของความเป็นจริงที่เกิดขึ้นและคติสอนใจ นิสัยของแต่ละคนจะอิงความจริงพอสมควร มีทั้งคนเลวมาก เลวน้อย บางคนก็ไม่ได้ตั้งใจ แต่สถานการณ์พาไป หรือคนที่ตกลงใจทำลงไปแล้ว จะกลับตัวก็ไม่ได้ซะแล้ว

 

จบไป 1 วันกลับบ้านนอน เสาร์ถัดมาดูอีก 2 เรื่อง เดี๋ยวค่อยมาเล่าต่อนะจ๊ะ

HAPPY NEW YEAR ทุกคน