วันศุกร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2552

Bolt

สอง week ที่แล้วเหมือนกันถัดจากไปกินข้าวกับเพื่อน ก็ไปกินข้าวกับน้องที่ทำงาน ทำให้ได้ดู bolt

เรื่องย่อ

Bolt น้องหมาดาราดังที่เชื่อว่าตัวเองมีพลังพิเศษ และเข้าใจว่าชีวิตที่กองถ่ายสร้างขึ้นเพื่อถ่ายทำทีวีซีรีย์นั้นเป็นชีวิตจริงๆ ของเขา แต่แล้ววันหนึ่งเขาได้หลุดออกไปนอกกองถ่ายด้วยเหตุบังเอิญ และพยายามตามหาเพนนี เจ้านายที่ถูกผู้ร้ายจับตัวไปอย่างสุดความสามารถ โดยที่ไม่รู้เลยว่านั่นเป็นแค่เรื่องในทีวี ระหว่างทางเขาได้พบกับเพื่อน คือน้องเหมียวผู้ต้องปากกัดตีนถีบกับความเป็นจริง และเจ้าหนูแฮมเตอร์ที่เชื่ออย่างสุดใจในโลกของภาพยนตร์ที่ bolt แสดง ทั้งสามตัวจึงเดินทางไปด้วยกันเพื่อตามหาเพนนี และก็ทำให้ bolt ได้เรียนรู้ว่าแม้จะไม่มีพลังพิเศษก็สามารถเป็นฮีโร่ได้…ในโลกแห่งความเป็นจริง

การ์ตูนแนว disney เต็มๆ เลย แม้ว่าจะไม่มี pixar disney ก็ทำ animation ได้นะ

สิ่งที่ชอบ

  • แนวดิสนี้ดิสนี่ที่ love love อยู่แล้ว การ์ตูนแนวน่ารักดูแล้วอมยิ้มให้คติสอนใจ ชอบมากค่ะ (อีนี่บ้าไปแล้ว)
  • ดึง charactor สัตว์แต่ละตัวออกมาได้น่ารักดีมากๆ Bolt ตอนทำหน้าตาหงิงๆ น่าตาน่าฟัดมากๆ นกพิราบก็หน้าเอ๋อได้ในสุดๆ (แทบอยากไปจับแถวสนามหลวงมาเลี้ยงสักตัว) น้องแมวในกองถ่ายก็เป็นคู่หู ชั่ว&เอ๋อ ที่น่ารัก น้องแฮมก็พูดจาได้น่าหมั่นไส้มากๆ ชอบน้องแมวหิมาลายันในกองถ่ายอ่ะเอ๋อแต่ยังอยากจะแกล้งหมาอีก เห็นน้องแมวแล้วนึกถึงพิงกี้&เดอะเบรนด์ เห็นพิราบแล้วนึกถึงพิราบเจ้าพ่อ(จาก Aninaniacs) เอ่อ…..ข้ามค่ายแล้วเธอ
  • ดูเจ้าแฮมเตอร์แล้วทำไมนึกถึง man of la mancha ก็ไม่รู้ มันเป็นสัตว์ที่ติดทีวีจนคิดว่าเรื่องในทีวีเป็นความจริง แต่สิ่งที่มันได้จากทีวีก็คือ จะต้องสุ้เพื่อความถูกต้อง ไม่ทอดทิ้งเพื่อน ไม่ท้อแท้… ถึงจะเพี้ยน แต่ก็เพี้ยนในทางที่ดีนะ ตรงนี้ดูแล้วก็รู้สึกอีกอย่างว่าการให้เด็กดูแต่หนังที่ดีๆ มันก็คงสามารถปลูกฝังสิ่งดีๆ ลงไปให้เด็กได้เหมือนกัน ถึงแม้จะเป็นแค่เรื่องที่พ่อแม่บางคนเห็นว่าไร้สาระก็เถอะ มันขึ้นอยุ่กับว่าเราจะเก็บเกี่ยวอะไรออกมาจากหนังมากกว่า
  • ไม่รู้ความจริงเป็นแบบนี้หรือเปล่า แต่หนังพูดถึงวงการภาพยนตร์ได้กระแทกใจมากๆ เช่น เรื่องทำทุกอย่างเพื่อ rating เรื่องที่คุณผู้จัดการไม่สนใจอะไรเลยนอกจากสัมภาษณ์กับถ่ายแบบ ขำตอนจบมากๆ ที่มีการเปลี่ยนตัวแสดงเพราะเพนนีไม่ยอมเล่นแล้วเลยเขียนบทว่าเพนนีต้องเสียโฉมจนต้องไปศัลยกรรมหน้าตาเลยเปลี่ยนไป รู้สึกว่าถ้าความจริงมีเขียนบทอย่างนี้คงตลกน่าดู
  • สุดท้ายการอยู่อย่างสงบและมีความสุขก็ดีกว่าการเป็นดาราดัง และมีเงินทองมากมายสินะ

สิ่งที่ไม่ชอบ

  • รู้สึก น้องแมว มิสเทรส ไม่ค่อยเด่น charactor ไม่ชัดมาก อาจจะเพราะแมวเป็นตัวแทนของความเป็นจริงในโลกนี้ล่ะมั้ง ตอนแรกเหมือนเป็นพวกแมวเจ้าเล่ห์มาเฟีย แต่ทำไปทำมาก็เป็นแมวธรรมดา สักพักกลายเป็นแมวคนดี สอน bolt ในเรื่องต่างๆ แล้วก็มาเฉลยว่ามันเป็นแมวสุดเศร้าสร้อย แล้วก็ได้รู้ว่าสิ่งดีๆ ยังมีอยู่บนโลก ดูจะเป็นเรื่องธรรมดานะที่ตัวละครมีการพัฒนาแบบนี้ แต่นั่นมันต้องเป็นตัวเอกอ่ะ T^T สรุปดูไปแล้วมิสเทรสไม่ได้ทำอะไรเลยที่ดูแล้วรู้สึกว่า นี่แหละมิสเทรส น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกก
  • อันนี้ไม่เกี่ยวกับไม่ชอบหรอก แต่ชอบหนัง disney ที่มีร้องเพลงด้วยอ่ะ เรื่องหน้าขอเพลงด้วยนะ ^_^

Knowing

เมื่อ 2 week ที่แล้วได้วันศุกร์นัดไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ก็เลยได้ไปดู knowing มา

Spoil เล็กน้อยถึงปานกลางถึงมากนะ ตรงไหน spoil มากๆ จะทำเป็นสีฟ้าๆ ไว้ แต่ระดับเล็กน้อยก็ยังคงเป็นสีดำอยู่ดี เพราะถ้าไม่ spoil จะเขียนไม่ได้ ดังนั้นถ้ากลัวดูหนังไม่สนุกอย่าเพิ่งอ่านแล้วกันนะ

ตอนแรกเห็นชื่อหนังกับหน้านิโคลัส เคจ ก็แซวเล่นขำๆ ว่าเป็นภาคต่อของ NEXT หรือเปล่า (สรุปว่าไม่ใช่)

เมื่อ 50 ปีก่อนที่โรงเรียนเพื่อฉลองการเปิดโรงเรียนหรืออะไรสักอย่าง โรงเรียนให้เด็กๆ วาดภาพว่าคิดว่าในอนาคตอีก 50 ปีโลกจะเป็นอย่างไร และใส่ Time capsule ฝังดินไว้ แต่ว่ามีเด็กผู้หญิงหลอนๆ คนนึงเขียนตัวเลขอะไรไม่รู้มากมายใส่ลงไปแทน ใน 50 ปีต่อมาลูกพระเอกเรียนอยู่โรงเรียนนั้นตอนพิธีเปิด Time capsule พอดี แล้วก็บังเอิญได้แผ่นกระดาษตัวเลขนั้นมาอีกด้วย

ทำไปทำมาพระเอกได้รู้ว่าในกระดาษนั้นทำนายถึงวันสิ้นโลกไว้ด้วย พระเอกจึงต้องหาทางที่จะต้องปกป้องลูกชายสุดที่รักของเขา

ส่วนที่ชอบ

  1. ตื่นเต้นและหลอนดี น้องสาวบอกว่าน่าเบื่อตรงกลาง แต่ว่าเราไม่รู้สึก ทำเสียงกระซิบได้หลอนมากๆ
  2. หนังเปิดมาก็โยนเรื่องว่าเหตุการณ์ในโลกนี้เกิดจากเหตุการณ์อื่นๆ(คล้ายๆ กับโชคชะตา คือมีเหตุการณ์วางไว้อยู่แล้ว) หรือเกิดเพราะเหตุบังเอิญ(ไม่สามารถคาดเดาใดๆได้) ซึ่งดูจะเป็นแกนของเรื่องทั้งหมด ว่าพระเอกเชื่อว่าเป็นความบังเอิญ แต่กลับมีการทำนายอนาคตได้ ดังนั้นเหตุการณ์ต่างๆ มันก็ควรเป็นโชคชะตาสิ ความจริงตอนดูก็ไม่ทันได้คิดหรอก แต่พอกลับมาคิดที่บ้านแล้วก็รู้สึกว่าชอบประเด็นนี้
  3. จบได้แนวดี ไม่เหมือนเรื่องอื่นๆ แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่สมจริงรับได้ ไม่ปาหมอนเกินไป ระดับความปาหมอนในความเห็นของเรา น้อยกว่า War of the world กับ pusher อาจจะระดับเท่ากับ the happening แต่ the happening ทำได้ smooth กว่า ขอบอกไว้ก่อนว่าหลายๆ คนไม่ชอบตอนจบของเรื่องนี้ –> เรื่องตอนจบเดี๋ยวไว้ว่ากันข้างล่างอีกทีแล้วกัน
  4. ชอบที่เขาเอามนุษย์ต่างดาวไปเปรียบเป็นฑูตสวรรค์ มันหักมุมจากที่ตอนแรกเห็นว่าดูเหมือนเป็นพวกหลอนๆ แต่ว่าตอนจบดูเป็นผู้ช่วยให้รอด(ปีกสวยดีด้วยชอบ) ความจริงตอนใกล้จะจบก็รู้สึกอยู่แล้วว่าต้องเป็นแนวเรือโนอามาช่วยให้รอด แต่ก็เดาอยู่ว่าพวกนั้นจะเป็นมนุษย์ต่างดาว หรือคนในอนาคต คิดไม่ถึงว่าจะทำกระทั่งให้มีปีก

ส่วนที่ไม่ชอบและไม่เข้าใจ

  1. งงมากว่าอีตาพระเอกไปรู้ได้ไงว่าตัวเลขยาวเป็นพรืดนั่นคืออะไร คิดยังไงเอาไป search google ฟะ ทำไมไม่คิดบ้างว่ามันจะถอดรหัสออกมาเป็นตัวหนังสือ หรือเป็นทศนิยมไม่รู้จบของค่าอะไรสักอย่าง
  2. ชีวิตมันบังเอิญจัง บังเอิญว่าลูกชายพระเอกได้กระดาษมา บังเอิญว่าพระเอกทำเหล้าหกเลยไปสนใจกระดาษ บังเอิญว่าพระเอกขับรถไปตรงจุดพอดีเลยรู้ว่าเลขที่เหลือคืออะไร แต่เอาเหอะ ยังไงมันก็เป็นโชคชะตา
  3. ไม่ได้ไม่ชอบตอนจบนะ แต่สงสัยว่าพวกมนุษย์ต่างดาวมันจะมาทิ้งตัวเลขไว้ทำไม จะมาทำตัวหลอนๆ ทำไม ทั้งๆ ที่อุตส่าห์มาขโมยตัวเด็กไปทีหลังอยู่ดี แล้วที่ลูกพระเอกเขียนเลขออกมามันเพื่ออะไร เหมือนจุดเล็กๆ บางจุดถูกทิ้งไว้เป็นรูโหว่

ตอนจบของเรื่อง

หลายคนไม่ชอบตอนจบเรื่อง ตอนที่ดูก็ไม่ได้รู้สึกว่าไม่ชอบอะไร ตอนแรกเหมือนจะชอบด้วยซ้ำ แต่ยังรู้สึกว่าขัดๆ ชอบกล เลยมาวิเคราะห์ได้ว่า ชอบแนวคิดในตอนจบของมัน แต่ว่ามันไม่ค่อย smooth เลยรู้สึกแปลกๆ มีประเด็นกันเรื่องศาสนา เพื่อนบอกว่ามันจะโฆษณาศาสนาอะไรแบบนั้น แต่ว่าเราคิดว่าคนที่เป็นคริสต์จริงๆ อาจจะไม่ชอบก็ได้นะ เพราะว่าไปหาว่าพระเจ้าเขาเป็นมนุษย์ต่างดาว แต่ชอบตรงที่เอาเรื่องเรือโนอามานำเสนออีกแบบนึง อย่างที่บอกว่าคิดไว้แล้วว่าน่าจะเป็นแบบนี้ แต่ว่าตอนที่พี่แกบินขึ้นไปแล้วมีปีก ก็รู้สึกว่าเอาอย่างนี้เลยนะ นี่เป็นฑูตสวรรค์ version Si-Fi สินะ จบแล้วมันก็ดูสมจริงดี ในแง่ที่ว่าไม่มีอะไรที่จะเป็นตามที่เราคิดหรอก แล้วก็วนมาที่ต้นเรื่องคือทั้งหมดเป็นชะตาลิขิต ถึงตีความออก ถึงไปสู่จุดหมายได้ ก็ใช่ว่าจะได้สิ่งที่หวัง แต่อย่างน้อยความหวังส่วนหนึ่งก็สำเร็จ(ลูกชายไม่ตาย) รู้สึกว่าเรื่องจะ complete กว่านี้มากๆ ถ้ามันมีคำตอบสักนิดว่าทำไม มนุษย์ต่างดาวถึงต้องกระซิบให้เด็กเขียนตัวเลขไว้(ตอนแรกก็คิดว่าเพื่อให้พระเอกพาลูกไปได้ถูก แต่ว่าพี่แกก็เล่นมาพาไปเองแล้วนี่นา) แล้วยังมีตอนที่ลูกพระเอกเขียนตัวเลขอีก(เขียนเฉยๆ ให้หลอนไปงั้น??) แล้วมนุษย์ต่างดาวก็ยังชอบโผล่มาทำตัวหลอนๆ อีก ไม่รู้เหรอไงว่ามันยิ่งทำให้เขาไม่กล้าไปด้วยน่ะ เหอๆ สรุปว่าตอนจบดี ตอนต้นน่ากลัวดี แต่เหมือนมันต่อกันไม่ลงตัว ที่บ่นนี่ไม่ใช่ไม่ชอบนะ เป็นหนังที่ชอบเรื่องนึงทีเดียว เลยคิดว่าน่าจะเขียนบทให้แน่นกว่านี้นะ - -“

ปล. สรุปว่า enty นี้มีตัวหนังสือที่ซ่อนไว้มากกว่า ตัวหนังสือปกติอีกนะเนี่ย หุหุ