วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

About Time

ตอนเห็นโปสเตอร์หนังเรื่องนี้ครั้งแรก ไม่รู้ว่าเรื่องอะไรเป็นอย่างไรหรอก แต่จะต้องไปดูให้ได้ เพราะพักหลังมานี้หนังแนว Romantic Comedy เข้าโรงน้อยมาก ยิ่งได้รู้ว่าผู้กำกับเดียวกับ Love Actually ยิ่งน่าดูเข้าไปใหญ่

หนังเรื่องนี้มีรอบ Preview ก่อนหนังเข้าจริงถึง 2 สัปดาห์ ซึ่งเศร้ามาก เพราะเห็นมันอยู่ในโรงก็อยากดู แต่เพราะแค่ Preview เลยมีแต่รอบหลัง 2 ทุ่ม กว่าจะดูจบก็กลับบ้านดึก เลยรอมาจนถึงสัปดาห์นี้ที่มันเข้าจริงๆ

Spoil...เล็กๆ


พยายามจะเขียนเรื่องย่อ... แต่เขียนไม่ได้จริงๆ ไม่รู้จะเขียนอย่างไร โดยไม่เล่าเรื่องออกไป และไม่ทำให้เข้าใจโครงเรื่องผิด เอาเป็นว่าพูดถึงความรู้สึกเลยแล้วกัน

ทิม เลค เป็นชายหนุ่มที่ไม่ค่อยจะป็อบปูล่า วันหนึ่งพ่อได้บอกความลับของครอบครัวกับเขาว่า ผู้ชายในครอบครัว สามารถย้อนอดีตได้ ทิมตัดสินใจจะใช้พรสวรรค์นี้ทำสิ่งที่เขาคิดว่าสำคัญที่สุด คือ "หาแฟน" .....

เนื้อเรื่องไม่ได้เน้นไปที่การย้อนเวลา เหมือนหนังย้อนเวลาอื่นๆ พล็อตที่คิดว่าตอนแรก(และจากตัวอย่าง) น่าจะเป็นพระเอกแสนทึ่ม ไปจีบนางเอก แล้วพูดอะไร ทำอะไรผิด จนนางเอกไม่สนใจ จึงต้องย้อนเวลากลับมาแก้ไขเหตุการณ์นั้นใหม่จนกว่านางเอกจะสนใจ แต่หนังเรื่องนี้ไม่ใช่อย่างนั้น

การย้อนเวลาแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นมี แต่กลับเป็นแค่ฉากหนึ่งที่ทำเนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างสมเหตุสมผล สิ่งที่หนังอยากจะบอกเราคือเรื่องของ “เวลา” สมชื่อเรื่อง About Time

ถ้าหนังเรื่องหนึ่งๆ จะถามหนึ่งคำถามกับคนดู About Time ไม่ได้ถามเราว่า เราควรจะแก้ไขเหตุการณ์นั้นอย่างไรให้ดีที่สุด แต่ถามว่า เราควรจะใช้เวลาตอนนี้อย่างไรให้ดีที่สุด

อีกสิ่งที่ชอบมาก ตั้งแต่เรื่อง Love Actually คือ หนังไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ความรักของพระเอกนางเอกเพียงอย่างเดียว ภายในเรื่องยังมีเหตุการณ์อื่นๆ ที่แสดงถึงความรักระหว่างพ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อนวัยเด็ก เพื่อนร่วมห้อง เพื่อนร่วมงาน มีทั้งความรักที่ผิดหวังและสมหวัง

เป็นหนังที่ดูแล้วอมยิ้มตาม ร้องไห้ตาม และเมื่อหนังจบเราก็เดินออกจากโรงด้วยความอิ่มเอมใจ


Spoil...เต็มๆ


สิ่งที่ประทับใจในหนังเรื่องนี้


    • เริ่มตั้งแต่ต้นที่พ่อได้บอกกับทิม(พระเอก) ว่าเขามีความสามารถนี้ พ่อได้สอน และบอกว่าเขาควรจะใช้มันกับเรื่องที่คิดว่าสำคัญที่สุดเท่านั้น (ซึ่งทิมบอกว่าคือการหาแฟน) [คิดให้ดีอะไรสำคัญ อะไรคือจุดประสงค์ อย่าให้สิ่งอื่นทำให้ไขว้เขว]

    • เหตุการณ์บางอย่างแก้ไขได้ แต่บางอย่างมันแก้ไปมันก็เหมือนๆเดิม [บางทีเราคิดว่าถ้ารู้งี้ทำอีกอย่างดีกว่า แต่รู้ได้อย่างไร อีกทางเลือกก็อาจจะห่วยพอกันก็ได้]
  • "แม้จะย้อนเวลามาแก้ไขเหตุการณ์ได้  แต่เราก็ไม่สามารถทำให้คนที่ไม่รักเรา มารักเราได้"

  • ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าทิมจะย้อนเวลามากี่ครั้ง แมรี่(นางเอก) ก็ดูจะชอบทิมทุกครั้ง แม้กระทั่งครั้งที่มีแฟนแล้วและทิมเข้าไปทักได้ประหลาดมาก แมรี่ก็ยังบอกว่าทิมน่ารัก [กลับกันกับคำพูดข้างบน คนจะรักไม่ว่าจะอยู่ในเหตุการณ์อย่างไรก็รัก]

  • ทิม และ แมรี่ ไม่มีใครเป็นคนที่สุดแสน perfect แต่เมื่อทั้งสองอยู่ด้วยกัน ดูมีความสุขตลอดเวลา  ไม่เหมือนกัน แต่เข้ากันได้แบบพอดิบพอดี [ชอบอารมณ์แบบนี้มากๆ >///<]

  • ชอบมากกกกกกกกก ตอนที่คุณเพื่อนสาวสมัยเด็กมาให้ท่า แล้วทิมกลับวิ่งกลับบ้านไปขอแมรี่แต่งงาน [รู้สึกถึงเสียงคลิกในหัวพระเอก น่ารักสุดๆ]

  • การย้อนเวลาไม่ได้ใช้เฉพาะไปแก้ไขเหตุการณ์ที่ผิดพลาด แต่ยังใช้ผ่านเหตุการณ์ที่ชอบมากซ้ำๆหลายครั้ง หรือสามารถให้เรากลับมาชื่นชมความสวยงามของโลกที่เราอาจจะมองข้ามไปในครั้งแรก รวมถึงใช้ฝึกขับรถเพื่อหาทางเร็วที่สุดในการไปโรงพยาบาลด้วย

  • งานแต่งงานถึงจะฝนตกหนัก แต่ทุกคนก็ยังดูมีความสุข สิ่งที่คนทั่วไปคิดว่าเลวร้าย มันอาจจะไม่เลวร้ายก็ได้ ขอแค่เรายอมรับ และสนุกไปกับมัน

  • ชอบที่ทิมบอกว่าหลังแต่งงานแทบจะไม่ต้องย้อนเวลาอีกเลย ไม่มีวันไหนเลยที่เขาอยากจะแก้ไขมัน

  • เรื่องบางอย่างเราจำต้องเลือกสิ่งที่สำคัญมากกว่า แต่ใช่ว่าสิ่งที่สำคัญน้อยกว่าจำเป็นจะต้องล้มเหลว

    • ทิมยอมไม่ไปพบแมรี่ ไปช่วยเพื่อนร่วมห้องของเขา แต่ก็ยังหาทางไปพบแมรี่ในวันอื่นได้

    • แม้จะเพื่อช่วยน้องสาว ทิมไม่สามารถสละลูกสาวของตนเองไปได้ แต่สุดท้ายเขาก็หาวิธีเตือนสติน้องสาวได้
  • แต่บางอย่างเราก็ต้องเลือกยอมรับสิ่งที่มันเป็น เช่นที่ คุณพ่อต้องยอมรับการเป็นมะเร็ง หรือทิมต้องยอมรับที่จะไม่ได้เจอพ่อแล้ว เพราะตัวเองต้องการมีลูกอีกคน

สุดท้ายนี้ การใช้ชีวิตโดยมองถึงความสุขและความสวยงามของแต่ละวัน แม้ว่าวันนั้นจะเลวร้าย ขนาดไหน จะพยายามทำให้ได้นะคะ คุณทีมผู้สร้างหนัง ♥♥♥