วันเสาร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2558

Shinsei Sushi : Omakase ราคาไม่แรง

 

Omakase

ใครที่สนใจในอาหารญี่ปุ่นคงเคยได้ยินชื่อ Omakase กันมาบ้าง ถ้าเอาคำว่า Omakase ไปแปะใน Google Translate จะได้คำว่า お任せ แปลว่า “วางใจ”

ยู้ได้ยินคำว่า Omakase ครั้งแรกตอนที่อ่าน review ที่ไหนสักแห่ง เกี่ยวกับเที่ยวญี่ปุ่น แล้วผู้เขียนพาไปกินซูชิ แล้วบอกว่า ถ้าไม่รู้จะสั่งอะไรให้สั่งเชฟ Omakase เลย แล้วเชฟจะเลือกให้เราเอา(แต่ต้องระวังกระเป๋าฉีก)

แต่ช่วงหลังมานี้เห็น review ญี่ปุ่นหลายๆกระทู้พาไปกิน Omakase แบบเป็น course กันมากขึ้น มีทั้งซูชิและไม่ใช่ซูชิ แบบนี้จะดีตรงที่ควบคุมค่าใช้จ่ายได้เราจ่ายเงินไปเป็นจำนวนตายตัวแล้วเชฟก็จะจัดอาหารมาให้ตามมูลค่านั้น แต่ก็กระเป๋าฉีกอยู่ดี… เพราะแต่ละ course แพงรากเลือด

บ่นมานานสรุปว่า Omakase คืออะไรกันน้าาาาา ยู้ก็ไม่ได้เชี่ยวชาญขนาดรู้ว่าแบบไหนเรียก Omakase ได้บ้าง ตามความเข้าใจแบบบ้านๆของยู้ มันคือ “ตามใจเชฟ” เลย ลองนึกภาพเราเป็นอภิมหาเศรษฐีเดินเข้าไปนั่งในร้าน เมื่อพนักงานเสริฟ(หรือเชฟ กรณีที่นั่งที่ซูชิบาร์) ถามเราว่า “วันนี้รับอะไรดีครับ” เราก็ตอบกลับไปว่า “เอาของที่ดีที่สุดของวัน ตามใจเชฟเลย” เท่สุดๆไปเลยใช่ไหมล่ะ ความจริงคือขี้เกียจคิด…

แต่ญี่ปุ่นคงไม่คิดอะไรตื้นๆแบบนั้น เขาบอกว่า Omakase คือความไว้วางใจในเชฟให้จัดเตรียมอาหารที่ดีที่สุดมาให้เรา วันนี้ไปซื้อหอยอะไรที่ดีที่สุดมาได้ วันนี้ได้ปลาแบบนี้ควรจะปรุงอย่างไรถึงจะดึงรสชาติของอาหารมาได้มากที่สุด ยิ่งญี่ปุ่นมีความเชื่อเรื่องอาหารตามฤดูกาลด้วยแล้ว ฤดูนี้อะไรอร่อย นั่นเป็นสิ่งที่ผู้ทานไว้วางใจให้เชฟซึ่งมีความรู้ความสามารถจัดมาให้ อย่างมากก็บอกแค่ไม่ทานเนื้อ แพ้อาหารอะไร แต่ไม่ใช่สั่งๆสิ่งที่อยากกินตามใจตัวเอง

บ่นมาเยอะแล้วเข้าเรื่องดีกว่า(นี่เจ๊ยังไม่เข้าเรื่องอีกเหรอ!!!)

 

Omakase ในไทย

รู้สึกอยากไปลอง Omakase มากๆ แต่ปัญหาหลายอย่างคือ 1) ต้องจองล่วงหน้านาน>พอหาทางได้น่าให้โรงแรมจองให้ 2) แพงกระเป๋าฉีก>หยอดกระปุกไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ได้เอง 3) คุยไม่รู้เรื่อง>ปัญหาเลยอังกฤษไม่แข็งแรง ญี่ปุ่นไม่ได้เลย Omakase เวลาเชฟเสริฟอาหารเขาจะบอกว่าคืออะไรทำจากอะไรกินยังไง เพื่อเพิ่มอรรถรสในการกิน บางร้านไม่รับคนต่างชาติเลยนะเพราะกลัวสื่อสารไม่ได้… เจอปัญหา 3 ข้อ เราก็เลยพัก project นี้ไว้ก่อน

ครั้งแรกที่ได้ยินว่า Omakase มีในไทยคือร้าน Yashin by Tenyuu แต่ราคาก็ 4-5 พันอ่ะนะ… ร้านอื่นก็ราคาประมาณนี้… ลังเล… like page ไว้… แล้วก็ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร

แต่แล้ว!! เราก็ได้เห็น Review ร้านนี้ Shinsei Sushi ราคาเริ่มต้นเพียง 1,500 บาทเท่านั้นเอง เอง เอง เอง

พอเห็น review แล้วก็อยากกิน หันไปบ่นกันน้องที่ทำงานคนหนึ่ง น้องตอบกลับมาว่า “ซูชิบ้าอะไร 12 คำ 1500!!! คำละร้อยกว่าบาท”

ฮืออออออออออ แม่ไม่เข้าใจตุ้ม T^T (มุกวัดอายุมากอ่ะ)

ไม่! เราไม่ยอมแพ้ อีกสองสามวันต่อมา หันไปเปรยกับน้องอีกคนซึ่งเล็งมาแล้วว่าชอบซูชิ ปรากฏว่าน้องสนใจ!!! “ไปกันไหมพี่?” ได้ยินดังนั้นแล้ว… เย้!!! จุดพลุ!!!  เก็บอาการแล้วตอบกลับไปว่า “ไปสิๆ” เสร็จตรู หลอกคนไปกินด้วยได้แล้ว

 

Shinsei Sushi

ใช้งานให้น้องโทรไปจองโต๊ะให้เรียบร้อย วันศุกร์เย็น ที่นี่ Omakase ช่วงเย็น 2 รอบเวลา 18:00 และ 19:30 เชฟบอกว่าตอนเที่ยงก็มีอีก 2 รอบ แต่ช่วงเที่ยงจะจอแจกว่านี้เพราะคนจะกิน lunch set กัน (อยากจะบอกว่าที่นั่งอยู่นี่ก็เสียงดังค่อนข้างดังแล้วนะคะ)

แต่ละรอบจะรับได้สูงสุด 7 คน ตอนโทรไปจองพนักงานบอกว่าให้มาตรงเวลานะคะ เพราะมีคนจองเวลาเดียวกันเดี๋ยวเขาจะรอ แต่ตอนไปกินก็เห็นมีอยู่แค่ 2 คนนี่แหละ

Omakase ที่นี่จะมี 3 แบบ 12 / 15 / 18 course ราคา 1,500 / 2,300 / 3,000 ตามลำดับ (ไม่รวมน้ำ, ไม่รวม Vat, ไม่มี service charge, เงินสดลด 10%)

พอใกล้เวลาเราก็ดี๊ด๊าออกจาก Office ฝ่ารถติดไปถึงร้าน สามารถจอดรถได้ที่คอนโดบ้านยศวดี ฝั่งตรงข้ามร้านนะคะ พอจ่ายเงินแล้วร้านจะให้บัตรเงินสดมาเพื่อจ่ายค่าจอดรถ

เข้ามาที่ร้านค่อยข้างเล็กเป็นตึกแถวห้องเดียว ซ้ายเป็นเคาท์เตอร์ ซูชิบาร์ และประตูครัว ขวาเป็นโต๊ะ (ไม่ได้ถ่ายรูปมานะคะ ไปดูรูปที่ http://pantip.com/topic/32918447 แล้วกัน)

ที่ของเราถูกจองไว้ที่ซูชิบาร์แล้ว แถมที่ทั้ง 2 ข้างของเรา เขาก็ reserve ไว้ไม่ให้คนมานั่งติดเราด้วย รู้สึก VIP ขึ้นมาทันที

2015-08-07 18.21.40

พนักงานก็เอาเมนูมาให้เรา อ้าวตอนจองก็บอกแล้วว่า Omakase ยังต้องดูเมนูอีกเหรอ เปิดๆพอเป็นพิธีแล้วก็สั่ง น้องขอชุดเบาๆ ที่ 1,500 บาท ส่วนยู้ด้วยความอยากรู้ว่ามีอะไรต่างกันบ้าง และเป็นผู้หญิงกินจุ เลยจัด 2,300 บาทไป

นั่งรออยู่สักพัก.. หิวแล้วววววววววว พอเริ่มกริ่มๆ จะโมโหหิว เชฟก็โผล่มาแนะนำตัว แล้วก็หายไปในครัวอีก

ในที่สุดเชฟก็โผล่มาพร้อมอาหารจานแรก!!!

เชฟทำอาหารไปแล้วเราก็เม้าท์ไปได้ความว่า เจ้าของร้านไปเรียนมาจากญี่ปุ่นแล้วก็อยากทำ Omakase ก็เลยไปชวนเชฟมา ส่วนเชฟเองทำซูชิมานานแล้วโดยเรียนจากการทำงานตามร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยนี่แหละ

 

รายการอาหารของวันนี้

course 12 ประกอบด้วย เทมปุระ ซาซิมิ ซูชิ 7 คำ ไข่หวาน ซุป และของหวาน ส่วน course 15 จะเพิ่ม ซูชิมาอีก 2 คำ และของร้อน 1 จาน

ขอบอกว่ายู้ชอบกินซูชิ แต่ไม่ได้ถึงกับเป็นผู้เชียวชาญ ความเห็นเป็นความเห็นส่วนตัว แบบลิ้นบ้านๆ บางรายการก็จำไม่ค่อยได้นะคะว่าปลาอะไรบอกผิดบอกถูกก็ขออภัยด้วย

รายการแรก เทมปุระปลาห่อใบโอบะ หน้าตาเหมือนหนอนทอด… ชินเมโจไต๋… ข้างในเป็นปลาปรุงรส(อารมณ์เหมือนพวกทูน่ามายองเนส) ห่อใบโอบะแล้วรสชาติตัดกันแบบแปลกๆดี ชอบที่เทมปุระกรอบ ข้างในร้อนกำลังดีไม่ลวกปาก

2015-08-07 18.18.46

ซาซิมิ ประกอบด้วย อากามิ ชูโทโร่ และ XXXอาจิ จำไม่ได้
กินกับวาซาบิดอง เชฟจะถามเราก่อนว่าทานวาซาบิได้ไหม

2015-08-07 18.23.51

เชฟบอกว่าปลาที่ใช้ใน a la cart กับ Omakase เหมือนกันค่ะ แต่ข้าวจะหุงด้วยหม้อเทพ และใช้น้ำส้มเทพ เชฟไม่ได้บอกยู้แปลเอง ที่เชฟบอกคือ ข้าวจะหุงด้วยหม้อราคาแพงซึ่งจะเป็นเม็ดสวยกว่า และใช้น้ำส้มสายชูแดงนำเข้าจากญี่ปุ่น ส่วน a la cart จะใช้น้ำส้มสายชูขาวที่ผลิตในไทย

 

มาไดแช่คอมบุ เชฟจะใส่วาซาบิและทาซอสมาให้แล้ว ใช้มือหยิบเข้าปากได้เลยยยยย

วาซาบิเป็นวาซาบิสด ขูดให้ดูกันตรงนั้นเลย

2015-08-07 18.31.22

 

โฮตาเตะ(หอยเชลล์) โรยเกลือจากหิมาลัย ไม่ต้องทาซอส หวานมากกกกกก ไม่รู้เพราะมันสดมาก หรือเพราะโรยเกลือก็เลยขับรสกัน เชฟบอกว่าถ้าทาซอสจะกลบรสโฮตาเตะไปหมด

เกลือหิมาลัยสีชมพูราคาก้อนละ 2,800 บาท

2015-08-07 18.33.49

 

เชฟปั้นๆไป 2-3 คำแล้วก็บอกว่า ถ้าผมปั้นขาดเตือนด้วยนะครับ แต่ถ้าเกินไม่ต้องบอก แย่แล้ว!! ไม่ได้นับ ไหนบอกให้หนูวางใจเชฟไงคะ

ปลาอะไรจิๆ ที่กินตอนจานแรกนี่แหละ เขาบอกคล้ายๆ ฮามาจิ

2015-08-07 18.36.09

 

คำนี้ชิมาอาจิ ปลาทูญี่ปุ่น ตัวนึงหนักประมาณ 2 กิโล (ตั้งใจฟังเชฟนะเห็นมั๊ยเนี่ย)

2015-08-07 18.38.53

 

คำนี้เฉพาะ course 3,000 นะจ๊ะ คินมาได(มั้ง)ลนไฟ หอมๆ อร่อยๆ ทำไมยิ่งกินรู้สึกกระเพาะยิ่งร่ำร้องให้ส่งอาหารลงมาอีกนะ

2015-08-07 18.42.34

 

อากามิ เอามาแช่โชยุไว้ก่อน 1 นาที แล้วซับด้วยกระดาษ เชฟไม่ได้บอกแต่เข้าใจว่ามันน่าจะดองน้ำส้มมานะ เพราะได้รสเปรี้ยวนิดๆ

2015-08-07 18.45.34

 

ต่อด้วยชูโทโร่

2015-08-07 18.47.35

 

และโอโทโร่ แปลกที่รู้สึกว่าโอโทโร่ที่นี่ไม่ค่อยเข้มข้น ปกติกินแล้วมันจะรู้สึกถึงความมันแตกกระจายในปาก

2015-08-07 18.50.34

 

เฉพาะ course 3,000 เป๋าฮื้อ หรือ Awabi คำนี้เหมือนจะแพง เชฟบอกว่าใช้เวลานึ่ง XX ชั่วโมง(จำตัวเลขไม่ได้แต่จำได้ว่านานมาก) แต่ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ แถมตัวหอยไม่เกาะกับข้าวตอนหยิบมากกินข้าวเกือบแตกกระจาย ตอนเชฟปั้นก็เหมือนข้าวจะไม่คอ่ยอยู่ตัวเหมือนกันปั้นเสร็จทิ้งข้าวไปคำนึง

ไม่กล้าบอกเชฟว่าไม่อร่อยอ่าาาาาา

2015-08-07 18.54.20

 

คำนี้สิหวานอร่อยมากกกกก อุนิ สาหร่ายไม่ค่อยกรอบ แต่อุนิอร่อยมากให้อภัย ปรบมือรัวๆๆๆๆๆ

2015-08-07 18.56.28

ซูชิคำสุดท้าย Anago(ปลาไหลทะเล) ย่าง โดยที่ร้านจะเอาไปต้มก่อน แล้วพอจะเสริฟค่อยเอาไปย่างกับใบไผ่อีกที ทาด้วยซอส แล้วโรยด้วยเปลือกส้มยูสุ ไม่ได้กลิ่นยูสุหรอกนะ แต่อร่อยยยยยยยย

ปกติที่กินในไทยจะรู้สึกว่า Unagi อร่อยกว่า(แต่ Anago แพงกว่านะจ๊ะ เพราะเนื้อละเอียดกว่า) แต่ร้านนี้อร่อยอ่ะ ขึ้นกับวิธีทำสินะ

2015-08-07 18.59.05

 

เฉพาะ course 3,000 กุ้งราดซอสมิโซะสูตรทางร้าน โรยด้วยไข่กุ้ง หัวกุ้งกรอบกินได้ทั้งหัวเลย แต่ซอสเยอะไปหน่อยไม่ค่อยรู้สึกถึงตัวกุ้งเลย

2015-08-07 19.04.00

 

หลังจากนี้มีไข่หวาน และซุป(เป็นซุปใส) แต่ลืมถ่ายรูปมาค่าาาา

สุดท้ายยย ของหวานมีให้เลือกระหว่าง เมล่อน ไอติมชาเขียว ไอติวาซาบิ หลังจากเห็นเราลังเล เชฟเลยบอกว่าตักแบบสองลูกให้ก็ได้ เลยได้กินสองรส อิอิ

อร่อยมากทั้ง 2 รสเลย ชาเขียวเข้มข้นทั้งรสนมและชาเขียว สัมผัสก็หนึบๆ ส่วนรสวาซาบิ Main จะหวานๆหอมๆ แล้วมีกลิ่นหอมวาซาบินิดๆ อร่อย!! (ยู้ว่ารสเหมือนถั่วพิชตาชิโอรสวาซาบิที่นิยมซื้อกันมาจากญี่ปุ่นที่ห่อเล็กๆ สามเหลี่ยมๆ) 

2015-08-07 19.16.25

 

ค่าเสียหาย Course + ชาเขียว refill 30 บาท ลด 10% แล้วบวก 7%

เชฟบอกว่าคราวหน้ามาใหม่ได้นะ อาหารจะเปลี่ยนไปแล้วแต่วัน Course 1500 อาจจะไม่ค่อยเปลี่ยน แต่อีก 2 Course ถ้ามีปลาใหม่ๆ เข้ามาจะได้กิน

2015-08-08 23.53.02

 

นามบัตรร้าน

2015-08-08 23.54.27

ตอนกินก็รู้สึกว่ามันเยอะๆ ซูชิ 9 คำ มันน่าจะหมดแล้ว กลับมาบ้านแล้วเพิ่งมานับจากรูป… เฮ้ยยยยย แถมจริงด้วย เชฟแถมมาให้ 2 คำ อิ่มกำลังดีเลย

 

สรุปแล้ว

ข้อดี 

  • ปลาสดอร่อยได้มาตรฐาน
  • ปลาปั้นแบบพอดีคำ บางร้านสมัยนี้ปลาจะชิ้นใหญ่มาก กินแล้วรู้สึกมันไม่พอดีกับข้าว แล้วก็ล้นปากกินคำเดียวไม่หมดต้องกัดครึ่ง ทำให้ไม่ได้อรรถรสในการกินเท่าที่ควร
  • ราคาไม่แรงมากสำหรับ Omakase เหมาะสำหรับคนอยากลอง แต่ทุนไม่เพียงพอ
  • ตอนอยู่ในร้านจะรู้สึก VIP มากกินเสร็จมีคนเก็บจานทันที น้ำเติมตลอดไม่ต้องเรียก ถ้าพนักงานเผลอหรือขาดอะไรไป เชฟจะช่วยดูแลเรียกให้ค่ะ
  • บรรยากาศสบายๆ

ข้อเสีย - ความจริงก็คิดว่าด้วยราคา คงจะไม่ได้ perfect มาก แต่ก็มีจุดเล็กๆ ที่รู้สึกว่าน่าจะปรับปรุงได้ค่ะ

  • ถ้าเราจองแบบ Omakase มา ก็น่าจะเข้ามาแนะนำแต่ละ Course เลย ว่าเอา Course ไหน จะสั่งน้ำอะไร ไม่น่าจะเอาเมนูทั้งเล่มมาให้ดู
  • การสื่อสารยังไม่ดี เพราะเราสั่งไม่เหมือนกัน เชฟเข้าใจผิดว่าคนไหนกิน course ไหน นี่ยังดีที่รู้ก่อนเสริฟ
  • คาดหวังว่าจะได้ฟังคำอธิบายเกี่ยวกับอาหารมากกว่านี้ ไม่รู้ว่าพอทำนานๆเชฟเริ่มเบื่อที่จะเล่าหรือเปล่า อย่างจานแรกใบเป็นใบโอบะนี่ก็ต้องถามเองว่าใบอะไร (หรือเราคาดหวังมากไปเองไม่รู้ เห็น review คนอื่นเขารู้เรื่องไปหมดว่ากรรมวิธีทำยังไง)
  • ร้านเสียงค่อนข้างดัง เพราะร้านเล็ก และโต๊ะติดๆกัน และเชฟก็พูดเสียงไม่ดัง มีหลายครั้งที่ฟังเชฟไม่ได้ยินว่าปลาอะไร
  • เชฟล้างมือก่อนปั้นข้าว แต่ปั้นไปก็เปิดตู้ เปิดประตูหยิบโน่นหยิบนี่เปิดประตูเดินกลับไปในครัว(ความจริงเราไม่ถือหรอก แต่คนอื่นอาจจะไม่ชอบ)
  • Course ก็ตั้งแพงแถมน้ำชาให้หน่อยก็ไม่ได้

ถามว่าจะไปกินอีกไหม ถ้ามีโอกาสก็อยากจะไป(ร้านอยู่ไกลบ้าน โอกาสอาจจะน้อยนิดนึง) แต่คงจะไม่ทาน Omakase แล้ว ลองให้รู้พอ กระเป๋าแฟ่บบบ

Hello world!!!!

สวัสดีทุกท่าน(ถึงแม้จะคงยังไม่มีใครเห็นก็เถอะ) 8/8/2015 ตัดสินใจย้ายจาก Wordpress มาเข้าอารยธรรม Google โดยใช้ Blogger แทน

ต่อไปนี้ตั้งใจจะเขียน Blog ให้มากขึ้น ไม่รู้จะทำได้แค่ไหน และย้ายบทความเก่าจาก Wordpress มาลงด้วย บทความก่อนหน้า Post นี้ทั้งหมดคือที่ย้ายมา (ซึ่งมีที่ย้ายมาจาก space อีกทีนึง) ว่าจะพยายามเข้าไป review พวก link หรืออะไรบางอย่าง ถ้ายังเห็นอะไรแปลกๆ หรือ link ที่กดแล้วไม่เจอก็แจ้งกันได้นะคะ

Blog นี้ทำขึ้นด้วยเหตุผล 2 อย่าง
1) ความต้องการระบายความคิดในหัวของยู้ออกมาเป็นตัวหนังสือ
2) อยากจะ share และ review อะไรบางอย่างที่ได้ไปสัมผัสมา เผื่อจะเป็นประโยชน์กับใครบ้าง เพราะยู้เองก็ชอบหา review ใน internet เหมือนกัน

ใครหลงเข้ามาก็ฝากเนื้อฝากตัว ฝากติดตามกันด้วยนะคะ ^/\^