วันพุธที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

มาดูหนัง thriller กัน : Thick as Thieves กะ The Horsemen

เมื่อวันเสาร์เรียนเสร็จก็ชิ่งไปดูหนังมา 2 เรื่อง

Thick as Thieves

หนัง excusive movie ที่ฉายแต่ SF บางโรงเท่านั้น เหมือนเรื่อง international ถ้าจะให้ sure ต้องไปดูที่ CTW เพราะว่าฉายตลอดรายการ ถ้าเป็นโรงอื่นมันจะฉายแค่ประมาณอาทิตย์เดียว

เข้าไปดูเพราะป็นหนังขโมย ชอบหนังขโมยมากๆ พวก Italian Job, Ocean Eleven แล้วก็ชอบมอร์แกน ฟรีแมน (อันโตนิโอจะทำหน้าหล่อช่างหัวมันชอบตาแก่นี่) เขาชอบเล่นเป็นบทนิ่งๆ คนบงการอยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะอยู่ฝ่ายดีหรือฝ่ายร้ายก็เหอะ

หนังก็สนุกใช้ได้ ถึงแม้ว่าตอนขโมยจะดูบ้านๆ ไปหน่อย ดูลำบากมาก(อ้าว! ก็ที่เซฟนั่นมันขโมยยากมากนี่นา) มันดูไม่เท่ห์แบบว่ามีการวางแผนสิบเอ็ดชั้นเพื่อให้ขโมยได้(แน่สิ ก็มีคนแค่สองคนจะใช้แผนซับซ้อนมาได้ไง) แต่ก็เป็นหนังขโมยนี่นะ ตอนจบขโมยก็ต้องชนะ มอร์แกน ฟรีแมนก็ลอยนวลหนีไปพร้อมกับของที่ขโมยไปได้ หุหุ ชอบที่พี่แกทำหน้านิ่งตอนจะโอนจับมากๆ มีการหักมุมอยู่หลายมุมเหมือนกัน บางมุมก็มองออก บางมุมก็แปลกใจตอนมันเฉลย แต่ก็รู้สิว่า….มิน่าล่ะ

spoil –> สรุปตอนจบพระเอก(อันโตนิโอ) เป็นตำรวจที่ปลอมตัวมาเพื่อจับมอร์แกน ฟรีแมน มิน่าล่ะบุคคลิกพี่แกไม่เหมือนโจรเลย เหมือนพวกตำรวจจะล่กๆ หน่อยนึง ตอนดูจบไม่คิดอะไร แต่ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว มอร์แกน ฟรีแมนเอาพระเอกมาช่วยเพราะรู้อยู่แล้วว่าเป็นตำรวจเลยวางแผนไว้ แต่ว่าทางพระเอกคิดจะทำยังไงให้มอร์แกน ฟรีแมนรับเข้ามา ถ้าเฮียแกดันไม่ตามไปเห็นพระเอกขโมยเพชรตอนแรกจะทำยังไงฟะ - -“

ปล. excusive movie เรื่องต่อไป Righteous Kill หนังตำรวจแอบไปฆ่าผู้ร้ายที่ศาลปล่อยตัวไป ชอบๆ แนวนี้อีกแล้ว

The Horsemen

หนังแนว seven (ไม่ใช่ 7-11 นะ) แต่ภาพออกจะโหดกว่า(rate R จ้ะ) เป็นเรื่องของการฆ่าเลียนแบบในไบเบิล(อีกแล้ว) ซึ่งทำตัวเป็น 4 อัศวินม้า(ถึงชื่อ horsemen) และฆ่าเหยื่อ 4 คน ใครจะถูกฆ่าบ้าง และเพื่ออะไรนั้น พระเอกก็ต้องตามสืบแล้วล่ะ

เรียกได้ว่าสนุกนะ ชอบบุคคลิก ของคนร้ายแต่ละคนที่ต่างๆ กันไป เด็กนั่นหลอนดี คุณหมอก็เก่งเวอร์ แต่ว่าการดำเนินเรื่องบางส่วนยังรู้สึกแปลกๆ อยู่ มันไม่ค่อยรู้สึกว่า ตึ๊ง! เหยื่ออีกรายโดนฆ่าแล้ว แต่มันราบเรียบไปหน่อย(ทั้งๆ ที่ภาพน่าจะกระชากความรู้สึกได้มากๆ) แล้วก็จบได้บ้านๆ อีกแล้ว แต่โดยรวมถือว่าดีนะ

ได้ดูเรื่องนี้แล้วรู้สึกว่าการทำอาชีพที่เป็นคนของประชาชนก็ลำบากนะ ความจริงก็เห็นในหนังหลายๆ เรื่องแล้ว ถ้าทำอาชีพพวกตำรวจ หมอ ถ้ามีเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ทำอยู่ หรือถ้าคนไข้ของตัวเองมีปัญหา คนอื่นก็คงคาดหวังให้ต้องรีบไปหาทันที ทั้งๆ ที่เหตุการณ์นั้นจะเล็กหรือใหญ่ก็ไม่รู้ ถ้าไม่สนใจก็โดนว่าอีก เวลาที่ให้ตัวเองและครอบครัวก็คงจะเหลือน้อย ต้องมีครอบครัวที่เข้าใจกัน

ใครที่ชอบบอกว่าต้อง balance ชีวิตส่วนตัวและชีวิตทำงานให้ได้ ลองมาทำงานแบบนี้ดูสิ คุณก็คงเป็นได้แค่หมอหรือตำรวจห่วยๆ เท่านั้น

วันนี้เขียนได้สั้นแฮะ เหมือนพักนี้ไม่ค่อยมีสมอง~~

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น