ในเดือนกันยายนบริษัทส่งไปทำงานที่อินโดนีเซีย พร้อมกับ พี่ๆ น้องๆ ทีม Support อีกจำนวนหนึ่ง (และมีทีมอื่นที่เขาเคยไปกันแล้วอีกชุดนึง) เรานัดเจอกันที่สุวรรณภูมิ ก่อนจะ check-in และเดินเข้า gate พร้อมกัน เนื่องด้วยบริษัทจ่ายตังค์เราก็เลยได้บินด้วยการบินไทย
รอเครื่องขึ้น
ระยะทาง 1428 ไมล์
มองนอกหน้าต่างสักหน่อย
อาหารเช้าเป็นออมเล็ตกับไส้กรอก
หลังจากเครื่องขึ้นประมาณ 3 ชั่วโมงเราก็มาถึงสนามบินนานาชาติโซคาร์โน ฮัตตาที่จาการ์ต้า เดินดุ่มๆๆ มาต่อแถวรอตรวจคนเข้าเมือง ระหว่างนั้นพี่อีกทีมที่เคยมาแล้วก็ติวให้เราเล็กน้อยว่าถ้าตม. ถามต้องตอบอะไร พวกเราผ่านด่านตม.มาได้อย่างไม่มีปัญหา และไม่โดนถามอะไรเลย
ทางในสนามบิน
หลังจากนั้นก็มีรถมารับ พาไปส่งที่โรงแรม โรงแรมที่พักเป็น Hotel Santika TMII (Review โรงแรม กด http://aleeyu.wordpress.com/2014/10/15/hotel-indonesia/ ) ข้างๆ โรงแรมจะมีสถานที่ท่องเที่ยว คือ Taman Mini อยู่ วันแรกไปถึงประมาณบ่ายสอง แต่ว่ามัวแต่รื้อของออกจากกระเป๋า ลงมาอีกทีก็ห้าโมงกว่าเห็นว่าเหมือนจะปิดไปแล้ว แต่เพิ่งได้ข้อมูลทีหลังว่าความจริงตัวสวนปิดสี่ทุ่มค่ะ แต่พวก Museum ข้างในจะปิดประมาณ 4-5 โมง พอวันอื่นๆ กว่าจะถึงโรงแรมก็ค่ำแล้ว เลยไม่ได้เดินเข้าไปดู (มีวันนึงเดินเข้าไปดูตอนพระอาทิตย์ตกไปแล้ว กับน้องอีกคนนึง แต่ไม่ได้เดินเข้าไปลึกค่ะ เพราะข้างในไม่มีคนเลยกลัวอันตราย) รวมๆ ภาพการเดินเที่ยวแถวๆ โรงแรม ตามด้านล่าง
มี Taxi จอดอยู่หน้าโรงแรมหลายคัน จะไปไหนคงเรียกได้สะดวก
เดินดูรอบๆ มีพวกอนุสาวรีย์ museum อยู่ค่ะ
ป้าย Taman Mini เปิดถึง 4 ทุ่ม (แต่หลังหกโมงข้างในก็แทบจะร้างแล้ว)
โดมนี่น่าจะเป็นพิพิธภัณฑ์
ปิดสามโมงครึ่ง
ข้างใน Taman Mini ยามค่ำคืน
แผนที่
Taman Mini จะเป็นที่ๆ รวมวัฒนธรรมต่างๆ ของอินโดนีเซียมาแสดงค่ะ เดินเข้าไปถึงแค่จุดแรกสุดเป็นบ้านไม้หน้าตาเหมือนบ้านทรงไทย เป็นของจังหวัด bengkulu
ใครสนใจอยากสัมผัสอาหารรถเข็นของอินโดฯ หน้าโรงแรมก็มีอยู่มากมายค่ะ เท่าที่ดูมีรถเข็นหน้าตาเหมือนกันประมาณ 5-6 แบบ ตั้งสลับกันไปทุกๆ 10 เมตร แยกความแตกต่างไม่ออกเลยว่าร้านไหนจะน่ากินกว่ากัน ช่วงเย็นที่กลับไปไม่ค่อยเห็นมีคนกินแต่ทำไมตั้งร้านกันเยอะขนาดนี้ ไม่รู้ว่าช่วงกลางวัน หรือดึกๆ คนจะเยอะหรือเปล่านะ
ขายน้ำ
กำลังสูบยางเตรียมเข็นไปขายอยู่เลย
ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้น
ห่อๆ นี่อะไรก็ไม่รู้
ถนนอินโดฯ รถเยอะ และรถติดด้วย
หันกลับไปทางโรงแรมจะเห็นว่าข้างๆ มีร้านอาหารอยู่หลายร้านค่ะ และมีห้างขายเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย (ยังสร้างไม่เสร็จดี แต่เปิดบางส่วนแล้ว)
โซนร้านอาหาร
หลังจากนี้จะเป็นรวมมิตรอาหาร และร้านอาหารที่เห็น และได้ไปกินมา จะเป็นร้านแบบร้านในห้างซะส่วนใหญ่นะคะ
วันแรกมาถึงลองอาหารอินโดก่อนเลย MM Juice เราเดินไปสั่งที่ counter จ่ายเงิน แล้วก็เอาป้ายมานั่งรอที่โต๊ะ รอเขาทำแล้วเอามาเสริฟ ยู้สั่งข้าว, แกงเนื้อ, น้ำเมล่อน ไปค่ะ แกงคล้ายๆ บ้านเรา(แต่คล้ายแกงอะไรนี่ไม่รู้นะ) น้ำเมล่อนนี่ไม่ใช่เมล่อนปั่นนะ เป็นน้ำเมล่อนเพียวไม่ใส่น้ำแข็ง
ร้านอื่นๆ ก็มีร้านกาแฟ อันนี้ไม่ได้ลอง
ร้านขายอาหารทะเล
J. CO โดนัท ที่นี่ดังมาก เดินผ่านทีไรกลิ่นเตะจมูก ตั้งร้านคู่กับ Bread Talk
สองร้านนี้ก็ไม่ได้ชิม
A&W
ร้านอาหารพื้นบ้านอินโด เคยลองเข้าไปแล้ว นั่งปั๊บพนักงานเอาข้าวมาวางแหมะ ทั้งที่ยังไม่สั่งอะไร ขอเมนูก็เหมือนไม่มี พยายามสื่อสารด้วยก็ไม่มีคนพูดอังกฤษได้ ตามมาด้วยอีกคนที่เอาถ้วยที่หน้าตาเหมือนพุดดิ้งตามมา (ตรูยังไม่ได้กินของค๊าาาววว) และอีกคนที่ยกอะไรหน้าตาเหมือนกับจานเล็กๆๆ มาอีกมากกว่าสิบจาน หลังจากพยายามสื่อสารแต่พูดกันไม่รู้เรื่องแล้ว(ประกอบกับไอ้กับที่ยกมามันหน้าตาไม่น่ากิน) ก็เลยเดินออกไปกินร้านอื่น
มีร้าน super market ประมาณ Max value อยู่ด้วยขาดอะไรมาซื้อได้ ไม่น่าพกโน่นนี่มาจากบ้านเยอะเลย
ถนนด้านหลังโรงแรม รถเยอะมาก ไม่กล้าข้ามไปฝั่งโน้น T_T มีคนยืนรับจ้างโบกรถอยู่
ตอนเย็นๆ ออกมาลองก๋วยเตี๋ยวริมทางเท้าสักหน่อย โดยรวมรสชาติโอเค แต่น้ำแกงมันมากกกกก และลูกชิ้นแป้งมากกกก คนขายพูดอังกฤษไม่ได้ ไม่รู้สั่งผิดสั่งถูก แต่สุดท้ายก็ได้ของกินมาแหละนะ
วันที่สองได้มากินอาหารที่ร้านแนวสวนอาหาร แม้จะมีอาหารแปลกๆ แต่รสชาติอาหารคล้ายอาหารไทยนะ
ห้างของอินโดเหมือนๆ ไทยเด๊ะ
มีร้านอาหารหลายร้าน อันนี้ Rice bowl
Bon Chon Chicken ที่นี่ไม่เหมือนที่ไทยนะ จะออกแนว fast food ขายไก่(กินกับข้าว) เบอร์เกอร์ปลา และบิมบิมบับ(ไม่เข้าใจว่าทำไมมีบิมบิมบับเหมือนกัน)
ร้าน D’COST เก๋ๆ สั่งอาหารด้วยการ อยากกินอะไรก็หยิบๆ บัตรที่มีรูปนี้ไป แล้วเอาไปให้พนักงาน
Rotiboy เห็นอยู่ที่สนามบิน
น้ำแปลกๆ ที่เจอที่โน่น
น้ำมะพร้าวโซดา อร่อยดี แต่ไม่ชินกินแล้วเลยรู้สึกแปลกๆ
สมุนไพรผสมมะนาว อันนี้ไม่ค่อยอร่อย กินแล้วรสชาติมันสังเคราะห์เกินไป
อันนี้น้องที่ไปด้วยซื้อไปกิน บอกว่าเหมือนน้ำส้มเจือจางมากๆ ไม่ค่อยอร่อยเหมือนกัน
ข้าวกล่องตอนทำงาน จะมีเนื้อสัตว์หนึ่งอย่าง(ไก่ ปลา เนื้อ เป็ด วนๆ กันไป) มีผักหนึ่งอย่าง ของกรอบๆ อีกหนึ่งอย่าง และมีผลไม้ด้วย
พิซซ่าฮัทที่อินโดฯ ส่วนใหญ่จะมีเนื้อวัวผสม ใครไม่กินระวังให้ดีนะ
คืนสุดท้ายย้ายมาพักที่ Lumire Hotel (Review โรงแรม กด >> http://aleeyu.wordpress.com/2014/10/15/hotel-indonesia/)
วันรุ่งขึ้นนั่งรถบัสไปสนามบินกัน
จะออกจาก Jakarta อย่าลืมเตรียมภาษีสนามบิน 150,000 นะจ๊ะ จ่ายตอน check-in แล้วจะได้สติกเกอร์นี้มา
มี Duty free ให้ shopping แต่ราคาถูกหรือแพงอันนี้ไม่รู้นะ
ขากลับอาหารเป็นบะหมี่กับไก่
ถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ
อื่นๆ เกี่ยวกับอินโด
บางเรื่องก็ดูๆ แล้วสรุปเอาเอง บางเรื่องก็ฟังๆ เขามา อันไหนผิดประการใดแจ้งได้นะคะ
- อะไรที่หน้าตาเหมือนเนื้อสัตว์ผสมแป้ง(ประมาณว่าลูกชิ้น) มักจะมี Texture นิ่มๆ หนืดๆ เสมอ ต่างกับของไทยที่จะกรอบๆ
- อะไรที่เป็นน้ำๆ (น้ำแกง, น้ำหวานใส่ขนม, น้ำ/นม) ถ้าเป็นอาหารพื้นเมืองอินโดฯ เผื่อใจไว้ 80% เลยว่ามันจะต้องมีกลิ่นสมุนไพร
- อาหารส่วนใหญ่จะมัน และเค็ม
- อาหารที่อร่อยคือ ข้าวผัด หมี่ผัด เขาผัดยังไงไม่รู้มีกลิ่นหอมๆ
- คนอินโดฯ ทั่วๆไปไม่ได้พูดอังกฤษเก่งไปกว่าคนไทย (จะบอกว่าไทยเก่งกว่าก็ไม่แน่ใจ เพราะไม่ค่อยได้อยู่ในเมือง)
- พนักงานร้านในห้างก็ใช่ว่าจะพูดได้(บางร้านนี่คือคำง่ายๆ ก็ไม่ได้เลย)
- คนที่พูดอังกฤษไม่ได้ ไม่นิยมใช้ภาษาใบ้ เอาแต่จะพูดอินโดใส่อยู่นั่นแหละ ก็ฟังไม่ออกกกกกก T_T
- ถ้าไม่ได้ไปที่ดังๆ อย่าคิดว่ารถที่จ้างมาจะรู้ทาง ตอนไปโรงงานได้นั่งรถ 2 เจ้า ซึ่งทั้งคู่ทำท่าเหมือนจะหลงในวันแรก
- รู้สึกว่ารถที่อินโดจะขับได้มั่วมาก แซงซ้าย แซงขวาให้วุ่นไปหมด จะข้ามถนนยังไม่กล้า
- ตัวอย่างคือ รถบัสที่นั่งไปโรงงานตอนขากลับเจอทางแยกแล้วเลี้ยวผิด ความจริงต้องไปขวา แต่เฮียแกอยู่เลนซ้าย อยู่ๆ ก็เบรกแล้วก็ถอยกลับ แถมถอยข้ามไปเลนขวาอีกต่างหาก ขับรถได้สุดยอดมาก
- ด้วยเหตุนี้ ที่นี่มีอาชีพ"โบกรถ" พี่แกจะประจำอยู่ตามจุดกลับรถ หรือตามซอยที่มีคนเลี้ยวออกมาเยอะๆ แล้วต้องเลี้ยวตัดหน้ารถที่วิ่งมา บางจุดมีคนเดียว ถ้าเป็นจุดกลับรถต้องทำเป็นทีมคนนึงกันรถให้ อีกคนเก็บตังค์
- ที่แยกเล็กๆ มอเตอร์ไซ ฝ่าไฟแดงยิ่งกว่าเมืองไทยอีก(พอดีผ่านแยกเล็กแยกเดียว เลยไม่รู้ว่าเป็นทุกแยกไหม) ส่วนแยกใหญ่ อาจจะอยากฝ่าแต่ทำไม่ได้เพราะรถเยอะเกิน
- SIM card ที่นี่ promotion ประหลาดมาก จ่ายทีเดียวใช้ internet ได้ 3 เดือน โดยแบ่งเป็นเดือนละ 500 MB / 1.5 GB / 2 GB ตามลำดับ คือคิดบ้างไหมว่าคนปกติเขาควรจะใช้ net เท่าๆ กันทุกเดือนอ่ะ
- พบกลิ่นบุหรี่ได้ง่ายๆ ในทุกที่
- Bonchon chicken ที่นี่ไม่เหมือนที่ไทย เห็นคนน้อยไม่ต้องรีบไปกิน ออกแนว Fast food เมนูจะเป็นไก่ทอดกินกับข้าว เบอร์เกอร์กับเฟรนฟราย และบิมบิมบับ (รู้สึกเมนูมันมั่วๆ ชอบกล)
- อาหารเช้าที่โรงแรมมี station นึง เป็นพวกข้าวกล้อง ถ้าข้าวขาวๆหน่อยจะให้กินกับ ไข่ เต้าหู้ (อารมณ์เหมือนพะโล้น้ำแห้งๆ) แต่ถ้าข้าวสีแดงให้กินกับผัก แล้วราดซอส(คล้ายน้ำพริก แต่หวาน มีรสถั่วๆ) เอามา Mix กันไม่ได้เรอะ!!!
- มีของขึ้นชื่อเป็นน้ำสมุนไพร ซึ่งต้องใส่ขวดแก้วแล้วอุดด้วยจุก(อารมณ์เอาใบตองมาม้วนๆ มัดๆ แต่บางทีก็เห็นใช้ถุงพลาสติกมาม้วน) ดูท่าว่าจะหกได้ทุกเมื่อ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นจุกแบบนี้
- อากาศเย็นกว่าเมืองไทยนะ แต่ห้างเปิดแอร์ร้อนกว่าเมืองไทย
- ต้นไม้ตามถนนที่นี่เยอะมากเมื่อเทียบกับที่ไทย และเป็นต้นใหญ่ๆ กิ่งก้านใบเยอะๆ ทั้งนั้นด้วย
- วันศุกร์เป็นวันที่พนักงานจะใส่เสือเป็นชุดประจำชาติ และให้เวลาพักเที่ยงนานขึ้นเป็น 2 ชั่วโมง
- ช่วงเดือน ต.ค. จะมีวันหยุดวันนึง โดยผู้ที่มีมากกว่า(เช่น บริษัท, คนรวย) จะต้องบริจาควัว และแพะให้ชุมชนใกล้เคียง และเขาจะนำไปเชือด แจกจ่ายเนื้อให้กับทุกๆ คนอย่างเท่าเทียม เป็นการทำบุญให้ทุกคนเท่าเทียมกัน(ตามหลักอิสลาม)
- ขอทานที่อินโดฯ แต่งตัวสะอาดสะอ้านจนไม่รู้ว่าเป็นขอทานนึกว่ามานั่งทำอะไรตรงริมถนน
- เวลาคำนวณเงินอินโดมักจะเผลอละเอียดเกินไป เนื่องจากเงินอินโด 10,000 IDR แลกได้ 28 THB โดยประมาณ จ่ายเงินทีนับกันจนมึน ด้วยความทีตัวเลขมันเยอะบางทีก็เลยเผลอ เช่น มีอยู่วันหนึ่งหารค่าใช้จ่ายที่ไปเที่ยวกับน้อง หารแล้วมีเศษ 750 IDR เราก็ปัดทิ้งไปซะ(ตามหลักมันควรจะปัดขึ้นเป็น 1,000 แหละ แต่ว่าเห็นว่านิดหน่อยเราเลยปัดลง) พอน้องรู้ก็บอกว่าไม่ได้นะ ต้องปัดขึ้นสิ เดี๋ยวเราขาดทุน ต้องหันไปบอกว่าไอ้ 750 IDR เนี่ย มันไม่ถึง 3 บาทเลยนะ น้องก็เลยยอมให้ยู้ปัดลง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น