วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

2 Days Trip from Jakarta @ Indonesia : Day I

ทริปเล็กๆ ทริปนี้เริ่มจากที่บริษัทส่งไปทำงานที่อินโดนีเซีย 2 สัปดาห์ ซึ่งก็ติดเสาร์-อาทิตย์อยู่หนึ่งสัปดาห์ ก็เลยมีวันว่างได้ไปท่องเที่ยวสักหน่อย ถึงแม้จะรู้มาก่อนว่ามีวันว่างสองวัน แต่ยู้ก็ไม่ได้วางแผนอะไรมากนัก เพราะไม่แน่ใจว่าจะมีงานอะไรที่ต้องให้ช่วยทำให้วันเสาร์-อาทิตย์ด้วยหรือไม่ แต่พอไปถึงก็พบว่าพี่ๆ เขาวางแผนไปเที่ยวบุโรพุทโธกัน ตอนแรกก็ว่าจะขอตามไปด้วย แต่ไม่มีตั๋วเครื่องบิน ก็เลยต้องวางแผนที่เที่ยวเอง ลองชักชวนพี่ๆ น้องๆ ที่ไปด้วยกันก็ไม่ค่อยมีใครสนใจ โชคดีที่น้องคนที่ไปทำงานที่ site โรงงานด้วยกัน ตกลงปลงใจไปด้วยกัน

หลังจากได้เพื่อนเที่ยวแล้วก็วางแผนเที่ยวกัน เนื่องจากมีเวลาน้อยยู้เลยตัดสินใจใช้บริการของไกด์ local มั่วไปหาใน web https://tourguides.viator.com/ ดูๆ review และดูว่าคนไหนถูกชะตา ก็เจอกับ Ferra ก็เลยติดต่อไปถามและขอคำแนะนำว่ามีเวลา 2 วันจาก Jakarta จะไปไหนดี

Ferra ติดต่อกลับมา แนะนำ Jakarta city tour วันนึง และ Bogor หรือ Bandung อีกวันหนึ่ง โดยคิดค่าไกด์วันละ $60 ค่ารถรวมทางด่วนและน้ำมัน ถ้าเป็น Jakarta City Tour $ 55 ถ้า Jakarta - Bandung $85(ขาเดียว) และถ้าค้างมีค่าจอดรถ 5$ ไม่คิดค่าค้างคืนไกด์ แต่สรุปแล้วเราเลือกไป Bogor ก่อน แล้วไปค้างที่ Bandung เพื่อเที่ยวในวันรุ่งขึ้น เพราะรู้สึกว่าเที่ยวในเมืองไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ สรุปแล้วค่าใช้จ่ายของ trip นี้คือ ($60x2)+($85x2)+$5 ลองต่อดู Ferra ลดให้ $10 เป็น $295

Ferra รับแต่ค่าไกด์ และค่าจ้างรถ ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ ค่าอาหาร เราต้องออกเองตอนไปเที่ยว ส่วนที่พักก็คือจองเองค่ะ Ferra แนะนำว่า Braga Street ซึ่งเป็นย่าน hang out ของชาวดัชต์เก่าสมัยที่อินโดเป็นอาณานิคม หรือ Cihampelas street หรือรู้จักกันในชื่อ jeans street ซึ่งขายเสื้อผ้าราคาถูก

หลังจากดูๆ แล้วตอนแรกตั้งใจจะจอง Promenade Hotel Bandung แต่แล้วก็พบปัญหาตอนจะจ่ายเงิน เพราะพอกดจ่ายด้วยบัตรเครติตแล้ว ก็เด้งหน้าจอ OTP ขึ้นมาให้ใส่!!! sim อยู่ในกระเป๋าตังค์ และไม่ได้ roaming มา T_T ก็เลยต้องหันไปพึ่ง paypal แทน ซึ่ง web ของโรงแรมมีให้จ่ายด้วย paypal นะ แต่พอกดจ่ายปั๊บ ก็มี message บอกว่า paypal ไม่รองรับเงินสกุล IDR แล้วจะมีให้เลือกทำม๊ายยยยยย

ระหว่างที่กำลังคิดว่าต้องจองผ่าน agoda ซึ่งราคาจะแพงขึ้นเล็กน้อย หรือจะลด spec โรงแรมดี ก็ไปพบว่า Hotel.com สามารถใช้ paypal ได้เหมือนกัน สุดท้ายก็เลยเปลี่ยนโรงแรมเป็น Serela Cihampelas Hotel แทน

Note : ถ้าถามว่า Ferra โอเคไหม เราว่าก็ดีนะคะ แต่ไม่ได้ถึงกับรู้สึกดีมาก เรารู้สึกว่าบางอย่างเขาไม่ค่อยคุย และไม่กระตือรือร้นเท่าไหร่ อาจจะเพราะว่าภาษาอังกฤษของเราไม่ค่อยแข็ง และเราก็ไม่ได้เป็นพวกช่างคุย เขาชวนคุยนิดหน่อยเราก็ไม่รู้จะคุยอะไรต่อ สุดท้ายก็เลยไม่ได้คุยอะไรนอกจากแนะนำสถานที่ที่เราไปกัน อย่างเช่น ตอนเราซื้อของเขาก็มาช่วยต่อราคา แต่ก็ไม่ได้บอกเราว่าปกติแล้วเขาขายกันเท่าไหร่ บอกให้เราตัดสินใจเองว่าจะซื้อหรือเปล่าในราคานี้
ถ้าใครสนใจติดต่อ Ferra โดยตรงได้ที่ mail : pia_denny@yahoo.com นะคะ

เกริ่นนำกันมานานแล้วมาเริ่มเที่ยวกันเลยดีกว่า….
ข้อมูลทั้งหลายตามด้านล่างนี้ Ferra เล่าให้เราฟังเป็นภาษาอังกฤษ แต่ด้วยความสามารถด้านภาษาของเรามีไม่มาก ประกอบกับความจำที่อาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้าง อาจจะมีส่วนที่ผิดไปบ้างหากใครเห็นว่าผิดตรงไหนก็บอกได้เลยนะคะ

เช้าวันเสาร์ Ferra นัดมารับเราตอน 8 โมงเช้า เขาบอกว่าจะโทรไปเรียกเราที่ห้อง แต่เราจะลงมาทานอาหารก่อนเลยบอกว่าจะรอที่ lobby ทั้งสองฝ่ายไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนก็เลยงงๆ นิดนึงกว่าจะเจอกัน (เราก็นั่งรออยู่แล้ว Ferra ก็มาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนึงมาถึงแล้ว) รถคันนี้แหละที่พาเราเที่ยว


Ferra นั่งหน้าคู่กับคนขับ(จำชื่อไม่ได้)

รถคันนี้กว้างขวางดีค่ะ แต่แอร์ค่อนข้างจะร้อนเวลาเที่ยงๆ ที่แดดจัดๆ บอกให้เร่งแอร์ให้หน่อย Ferra ก็เร่งให้ แล้วเฮียคนขับก็หรี่ลงอีก ไม่รู้กลัวเปลืองน้ำมันหรืออย่างไร T_T แต่ถ้าเป็นช่วงที่ไม่มีแดดก็โอเคนะคะ เรามุ่งหน้าสู่ Bogor ก่อนเลย วิ่งทางโทลเวย์ รถไม่ติดค่ะ จะเริ่มเห็นรถเยอะ และเคลื่อนตัวช้าตอนเข้าสู่ตัวเมือง Bogor


ระหว่างนั่งรถ Ferra ก็อธิบายเกี่ยวกับอินโดนีเซียและจาการ์ต้า จำนวนเกาะ จำนวนประชากร แต่ก่อนอินโดนีเซียเป็นเมืองขึ้นของชาวดัชต์ และจาการ์ต้าตั้งแต่อดีตเปลี่ยนชื่อมาหลายครั้ง ชื่อนี้เป็นชื่อที่ 4 เราก็ฟังๆ ไป จำได้บ้างไม่ได้บ้าง เนื่องจากเมื่อก่อนแต่ละเมืองในอินโดจะปกครองโดยราชาของเมืองนั้น(ไม่แน่ใจว่าเขาเรียกสุลต่านหรือเปล่านะ) แต่ละเมืองจึงมีพระราชวังอยู่ และตอนนี้พระราชวังพวกนั้นก็กลายเป็นที่พักของประธานาธิบดีแต่ละรัฐ พระราชวังของ Bogor อยู่ตรงสวนพฤษศาสตร์ที่เรากำลังจะไปเที่ยวนี่เอง

ขับรถผ่านพระราชวัง มีกวางอยู่เต็มไปหมดเลย แต่ไม่ได้ลงไปถ่ายรูปด้วย

แล้วรถก็มาจอดตรงนี้….

แต่ที่เราจะเที่ยวอยู่ข้างๆ ค่ะ สวนพฤษศาสตร์ (bogor botanical garden)

ประตูทางเข้า ซื้อตั๋วก่อนนะคะ ชาวต่างชาติคนละ 25,000 IDR แต่เนื่องจากเราหน้าตาคล้ายคนอินโด ตอน Ferra ไปซื้อตั๋วให้เขาเลยขายเรามาด้วยราคาของคนอินโดค่ะ โชคดีจัง ^^

แผนที่สวน

เข้ามาก็เจอต้นไม้เขียวๆ

คุณลุงนั่งทำอะไรอยู่ก็ไม่รู้ เดี๋ยวก็ปรบมือ เดี๋ยวก็ส่งเสียง

ทะเลสาบ

ต้นอะไรหว่า

ไม่รู้เขาจะต่อแพ ทำแคร่ หรือสร้างกระท่อมกันนะ

ทางเดินปูโดยเอาหินมาเรียงเป็นรูปดอกไม้

พระราชวัง แต่เข้าไม่ได้นะคะ ถ้าไม่ได้ทำหนังสือขออนุญาตมาก่อน

ลุงคนนี้รับถ่ายรูปเรากับพระราชวัง แล้ว print ออกมาให้

ภาพของผู้ที่ก่อตั้งสวนแห่งนี้ค่ะ (เสื้อฟ้านั่นคือ Ferra ค่ะ)

ต้นไม้เขียวๆ ใหญ่ๆ ทั้งนั้น

บ่อบัว

ดอกบัว

มีคนมาส่องนกด้วย

บรรยากาศรอบๆ ก็จะร่มรื่นมีแต่ต้นไม้ต้นใหญ่ๆ เต็มไปหมด บางต้นก็หน้าตาแปลกๆ






มีสะพานข้ามลำธารด้วย แต่เสียดายในลำธารขยะเยอะเชียว(อันนี้ถ่ายหลบๆขยะมา)


ต้นไม้ใหญ่มาก



ตรงนี้เป็น cafe แต่ไม่ได้เดินขึ้นไปนะคะ

ต้นกล้วยพัด หรือเปล่า?

มีขายขนมอยู่ตามทางด้วยเผื่อหิว

ไอติมก็มี

กลุ่มนี้มาออกกำลัง รำไท้เก็กกัน

ระหว่างทางมีดอกไม้ให้เห็นบ้างแต่ไม่เยอะ



ดอกนี้เหมือน cotton bud เลย

ชงโคดอกไม้ประจำคณะวิศวะลาดกระบัง(แล้วมาดูถึงอินโดเนี่ยนะ)

เรือนเพาะกล้วยไม้

ทางเดินก็ดูโรแมนติกเหมือนกันนะเนี่ย

เรือนกล้วยไม้มี 2 ฝั่งค่ะ ส่วนตรงกลางจะเป็นนิทรรศการ ความรู้ และขายกล้วยไม้ มีรูปดอกไม้แปลกๆ ของที่นี่อยู่ด้วย ตอนที่เราไม่มีดอกไม้ค่ะ Ferra บอกว่ามันจะบานแค่ครั้งละ 1 สัปดาห์ และทำนายไม่ได้เลยว่าจะเป็นเมื่อไหร่ ใครอยากเห็นคงต้องใช้โชคกันหน่อย

ดอกซากศพค่ะ ว่ากันว่าบานแล้วจะมีกลิ่นเหม็นเพื่อเรียกแมลงวันมาช่วยผสมเกสร

ดอกไม้ยักษ์ที่กินเนื้อค่ะ ตกลงไปจะโดนย่อยไหมเนี่ย

บรรยากาศและดอกกล้วยไม้โดยรอบ (มีดอกไม้อื่นอยู่นิดหน่อย)






แอบคิดว่าเจ้าต้นเล็กๆนี่ ตอนไม่มีคนมันจะผุดขึ้นมาแล้ววิ่งไปวิ่งมาได้


ด้านนอกมีต้นไม้ดอกไม้นิดหน่อย และมีหม้อข้าวหม้อแกงลิงหลายแบบเลย






ลองแหย่นิ้วลงไปมันจะงับไหม??

มีแก็งค์จักรยานด้วย

ป้ายบอกทางมีให้เห็นตามทางแยกค่ะ



ต้นไม้สูงมากต้องถ่ายแบบพาโนรามาถึงจะเก็บครบ

สะพานอีกอัน


ต้นอะไรไม่รู้แปลกดีค่ะ รากจะเป็นแผงๆ โผล่พ้นดิน




ต้นนี้รากจะโผล่ขึ้นมาเป็นสามเหลี่ยมเลย


ต้นใหญ่มาก สังเกตจากคนที่ยืนอยู่

ต้นนี้ขึ้นอยู่ข้างๆ ถนนรากเลยหลบไปข้างๆ แปลกตาไปอีกแบบ

ต้นนี้เหมือนมีต้นเล็กๆ เกาะเกี่ยวกันจนกลายเป็นต้นไม้สูงใหญ่

ชอบต้นไม้แบบนี้จังดูสดชื่นดี

ประติมากรรมอะไรก็ไม่ทราบ

เด็กๆ นักเรียนก็มาเดินเที่ยวกันด้วย

ต้นโกงกาง ที่นี่เขาเอาใบโกงกางไปสานทำเสื่อหรือของใช้กันด้วย

ดอกอะไรน้า เป็นก้อนกลมเชียว

มองไปบนฟ้าแดดเริ่มแรง เราก็อำลา Bogor แต่เพียงเท่านี้ค่ะ

ออกมาด้านหน้าสวนฝั่งตรงข้ามมีร้านขายของหลายร้าน เผื่อใครอยากดูของฝาก

อีกด้านมีแผลขายผลไม้ และกระต่าย (คาดว่าเจ้ากระต่ายคงจะโดนซื้อไปทำสเต๊ะค่ะ)


แล้วเราก็เดินทางต่อไปยัง Bandung ที่วางแผนไว้ว่าจะไปนอนที่ Bandung เพราะว่าจะได้ไม่ต้องย้อนกลับไปมา จาก Bogor สามารถเดินทางต่อไป Bandung ได้เลย แต่ Ferra บอกว่าทางนั้นแม้จะระยะทางสั้นกว่า แต่ถ้าเป็นวันหยุดรถจะติดมาก เราก็เลยย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อวิ่ง Tollway ไปถึง Bandung เลยค่ะ ความจริงแล้ว Bogor มีที่เที่ยวอีกที่หนึ่งคือ Safari park แต่เราเห็นว่าค่าตั๋วสำหรับชาวต่างชาติค่อนข้างแพง ลองเข้าไปดูใน web ก็ไม่ได้เห็นว่ามีสัตว์แปลกๆ อะไร ก็เลยคิดว่าไปสวนสัตว์เมืองไทยคงจะคล้ายๆ กันมั้ง แล้วก็ตัดรายการนี้ออกไป เพื่อไปดูการแสดงอังกะลุงที่ Bandung ในวันแรกแทน วันที่สองจะได้ไม่กลับโรงแรมดึกจนเกินไป

ระหว่างทางก็แวะเข้าห้องน้ำที่ปั๊มน้ำมันสักหน่อย ปั้มมีพวกร้านอาหารและซุ้มขายของ เหมือนปั๊มปตท. ที่ไทยเลย เราก็เลยตกลงใจแวะทานข้าวเที่ยงกันที่นี่แหละ


เลือกร้านอาหาร Style อินโด ในร้านไม่มีแอร์ค่ะ (ที่อินโดไม่บ้าเปิดแอร์เย็นเจี๊ยบเหมือนที่ไทย ห้าง หรือ minimart ถ้ามีแอร์ก็เปิดแบบพอให้หายร้อนค่ะ ตอนแรกนึกว่าแอร์เสีย)

คนในร้านพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เมนูก็เป็นภาษาอินโดทั้งหมด Ferra มาช่วยแปลและสั่งให้ เราสั่งเนื้อ ส่วนน้องที่มาด้วยกันสั่งไก่ สักพักพนักงานก็เอาไก่มาเสริฟ พร้อมกันรัวภาษาอินโดใส่เรา เราก็ทำหน้างง บอกเป็นภาษาอังกฤษว่าไม่เข้าใจภาษาอินโด เขาก็ยังรัวภาษาอินโดใส่เราอยู่อีกสองสามรอบ สุดท้ายอีกคนเดินมาถามเราเป็นภาษาอังกฤษว่าเขาพูดอังกฤษไม่ได้เข้าใจภาษาอินโดไหม ตอน No ไป เขาก็ทำหน้าตาลำบากใจนิดนึงแล้วก็หายไป

ตอนนี้เรายังคิดว่าเขาอาจจะถามแค่อยากได้อะไรเพิ่มไหม หรือจะเอาอะไรมากินกับอาหารที่เสริฟไหม ก็เลยไม่ได้สนใจอะไร สักพักก็มีผู้ชายอีกคนนึง ไม่รู้ว่าเป็นเจ้าของร้าน หรือเป็นลูกค้าค่ะ ตอนที่ออกมาเห็นนั่งสูบบุหรี่กินเบียร์อยู่หน้าร้าน เขาก็เดินมาบอกว่า เนื้อที่เราสั่งไปน่ะหมด เอาอย่างอื่นแทนได้ไหม พร้อมกับจิ้มเมนูว่าอันนี้ไก่นะ อันนี้เป็ดนะ ถ้าน้องพนักงานเอาเมนูมาจิ้มแล้วทำภาษาใบ้ว่าหมดก็จบไปแล้ว T^T เราก็คงจิ้มเมนูอื่นสั่งแทน เพราะ Ferra บอกเราไว้หมดแล้วว่าเมนูไหนคืออะไร

เราก็เลยสั่งเป็ดมาแทนค่ะ คุณพี่คนนั้นก็ตะโกนบอกพนักงานเป็นภาษาอินโด แล้วก็บอกศัพท์ภาษาอังกฤษไปว่า Duck หลังจากนั้นทั้งพนักงานในครัว และพนักงานเสริฟ ก็ได้เรียนรู้ศัพท์ใหม่ พูดว่า Duck Duck Duck กันใหญ่

และนี่คือหน้าตาเมนูที่ได้มาค่ะ เป็ดย่าง กับข้าวห่อใบตองย่าง

กินอิ่มแล้วเราก็นั่งรถต่อไป Bandung พอเริ่มจะเข้าตัวเมืองก็เริ่มเจอรถติดเลย Ferra ก็เริ่มเล่าให้เราฟังว่า Bandung เป็นเมืองที่เป็นแหล่งผลิตเสื้อผ้าส่งออก ซึ่งสินค้าที่มีตำหนิก็เลยมาเปิด Outlet ขายถูกๆ กันอยู่ในเมืองนี้ เลยได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่ขายเสื้อผ้าราคาถูก Bandung เป็นเมืองที่อยู่บนเขา และมีเขาล้อมรอบอากาศจึงเย็นสบาย

เชื่อว่าแต่ก่อน Bandung เป็นภูเขาไฟขนาดใหญ่ เมื่อภูเขาไฟสงบลง ตรงปากปล่องนั้นมีน้ำมาขังอยู่กลายเป็นทะเลสาบใหญ่ๆ แทน จนอยู่มาวันหนึ่งปากปล่องด้านนึงแตกและพังลงทำให้น้ำไหลออกไปจนหมดและกลายเป็นเมือน Bandung ในปัจจุบัน เมืองนี้เลยมีเขาล้อมรอบ

ระหว่างทางเห็นป้ายโฆษณา KFC สังเกตว่าเมนูอาหารที่นี่จะต้องมีข้าวอยู่ด้วยซะส่วนใหญ่ จะกินแต่ไก่สองชิ้นแบบบ้านเราไม่ได้นะ

ที่ต้นไม้มีผูกผ้าไว้เนื่องจากกำลังจะมีงานฉลองอะไรสักอย่าง Ferra บอกเราว่าตอนนี้ที่อินโดกำลังมีโครงการ Green Indonesia ถ้าบางทีเห็นต้นไม้ทาสีหรือมีป้ายมีผ้าผูกไว้ จะหมายถึงต้นไม้นี้ห้ามตัดนะจ๊ะ อยากให้กรุงเทพมีโครงการแบบนี้บ้างจัง ตอนนี้ขนาดซุ้มการเวกแถวบ้านยังเหลือแต่เสาเหล็กแล้วเลย

รถสีเขียวๆ นี่เป็นรถประจำทางเหมือนรถ minibus ค่ะ(หรือจะเหมือนรถตู้/รถสองแถวของบ้านเรามากกว่าก็ไม่รู้)

มอเตอร์ไซด์เยอะมากค่ะ แล้วขับปาดกันยิ่งกว่าเมืองไทยอีก เคยเห็นจักรยานแทรกไปแทรกมาราวกับมอเตอร์ไซด์ด้วย

โปรแกรมแรกของ Bandung คือการแสดงอังกะลุงของ Udjo ค่ะ เราเคยรู้จักแต่อังกะลุงที่ไทย แอบคิดว่าต้องหลับแน่ๆ (แต่มาถึงนี่แล้วก็อยากดูการแสดงพื้นเมืองของเขา) การแสดงมีตั้งแต่ 15:30 – 17:30 เล่นอะไรตั้ง 2 ชั่วโมงนะ แต่มันกลายเป็น(เกือบ)สองชั่วโมงที่น่าประทับใจมากๆ เรามาถึงที่แสดงช้าไปเกือบครึ่งชั่วโมงเพราะรถติด พอจ่ายเงินไป 110,000 IDR ก็จะได้น้ำขวดเล็ก โบชัวร์ กับบัตรเข้างานเป็นอังกะลุงอันเล็กๆ ไว้คล้องคอ

อังกะลุงที่ไทยเวลาเล่นนั่งพับเพียบ ใช้มือถือข้างละตัว อยากได้เสียงโน๊ตไหนก็เขย่ามือนั้น แต่ที่อินโดเขาจะใช้การห้อยไว้กับมือข้างที่ไม่ถนัด แล้วใช้อีกมือเขย่าเอาค่ะ บางคนจะห้อยสองตัวสามตัวก็ได้ แล้วก็เลือกเอาว่าจะเขย่าตัวไหน ทำให้ระหว่างที่เล่นผู้เล่นสามารถเดิน กระโดดโลดเต้นได้ สร้างความสนุกสนานมากมาย

เข้ามาก็เจอเด็กน้อยสี่คนนี้ขี่ม้าเข้ามา

ตามด้วยสาวๆ ตั้งแต่เล็กจนโต ถืออังกะลุงเข้ามา ร้องไปด้วยเต้นไปด้วย

ชอบน้องเสื้อน้ำเงินทางซ้าย ตอนเล่น หน้าตานี่อินกับบทมาก

นอกจากอังกะลุงแล้วยังมีการแสดงระบำ โดยตอนแรกจะเหมือนเป็นหญิงสาว

แต่พอใส่หน้ากากแล้วท่าทางจะเปลี่ยนไปกลายเป็นเหมือนชายหนุ่ม

ต่อด้วยอังกะลุงจิ๋ว จากนักแสดงรุ่นจิ๋ว

บรรเลงเพลงมันๆ จากวงดนตรีที่เครื่องดนตรีเป็นอังกะลุงดัดแปลงหลากหลายแบบ ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน (คนทางขวาถือไม่ตีข้างละ 2 ซะด้วย)

การแสดงร้องเพลงอีกหนึ่งชุด

ต่อด้วยการสอนอังกะลุงให้ผู้เข้าชมทุกคนมีส่วนร่วม

ทุกคนได้รับแจกอังกะลุง

ที่อังกะลุงจะมีโน๊ตติดไว้ และพิธีกรจะสอนเราว่าต้องเขย่าอย่างไรตอนไหน ผู้เข้าชมทุกคนจะได้ร่วมกันบรรเลงเป็นเพลง

ต่อด้วยวงออเคสตรา?? เป็นอังกะลุงแบบใหม่ที่ดัดแปลงมาให้ใช้แทนการเขย่าแบบดั้งเดิม

สุดท้ายเด็กๆ จะมาชวนเราออกไปเต้นด้วยกัน

จบการแสดงด้วยความสนุกสนานและอิ่มเอม

ก่อนกลับขอถ่ายเวทีซะหน่อย

เครื่องอังกะลุงดัดแปลง

ใครสนใจการแสดงลองดู web ของ Udjo ได้ http://www.angklung-udjo.co.id/

จบจากการแสดงอังกะลุงแล้วใครจะถ่ายรูปกับเด็กๆ หรือจะซื้อของฝากก็แล้วแต่อัธยาศัยค่ะ ส่วนเราก็ไปเข้าพักที่โรงแรม Serela Cihampelas Hotel review ไว้แล้วใน http://justabgirl.blogspot.com/2014/10/hotel-indonesia.html นะคะ เราข้ามถนนมาทานอาหารอีกฝั่งนึงค่ะ Cihampelas Walk อยู่ใกล้ๆ โรงแรมเลย

ขอลองพิซซ่าฮัทแบบอินโดดูบ้าง

เมนูน่ากิน แต่ใครไม่กินเนื้อคงต้องเล็งดีๆ หน่อยมีอยู่ไม่กี่หน้าที่ไม่ผสมเนื้อ

เท่าที่ดูไม่มีโค้ก refill นะคะ เลยสั่งน้ำสีๆ แบบนี้มาแทน

สั่งพาสต้าหนึ่งจาน

กับพิซซ่าเล็กอีกหนึ่ง

แวะไปซื้อ bread talk เป็นอาหารเช้า

ตามที่ Ferra บอกถนนนี้เขาเรียกกับว่า Jean street ขายเสื้อผ้าราคาถูก เราก็เลยเดินเล่นร้านขายเสื้อแถวๆ นั้นซะหน่อย ร้านแถวๆนี้ จะตั้งชื่อตามตัวละครหรือตัวการ์ตูน เช่น IRON MAN, AVENGER, Aladin ค่ะ แต่ว่าในร้านก็ขายของเหมือนๆ กันหมดนั่นแหละ ไม่ใช่ว่าเข้าร้าน IRON MAN แล้วจะเจอเสื้อโทนี่ สตาร์คนะ เดินดูแล้วไม่มีอะไรถูกใจ และราคาก็ไม่ได้ถูกมากมาย ก็เลยกลับไปนอน


พบกันใหม่พรุ่งนี้ราตรีสวัสดิ์ค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น