จำได้ว่าตอนเข้าทำงานยังคิดว่าจะอยู่ถึงรับ provident fund หรือเปล่า แต่อีกประมาณ 2 เดือนเราก็จะทำงานมาครบ 10 ปีแล้ว กับที่ทำงานที่แรก ที่เดียวนี้
ช่วงประมาณ 1 ปีมานี้รู้สึกว่ามี status บน Facebook ของเพื่อนๆ หลากหลาก ที่เกี่ยวกับงาน(ส่วนใหญ่จะบ่น) ทำให้มานั่งคิดว่า เราก็ทำงานอยู่ที่นี่มาจะ 10 ปีแล้วเนอะ ทำไมถึงอยู่ได้ทนขนาดนี้??
(1) บริษัท
บริษัทที่ทำอยู่นับว่าเป็นบริษัทที่ดี มีความมั่นคง ถึงจะไม่ได้เป็นถึง great place to work แบบที่เขาพยายามทำ แต่ก็นับว่าดี จะหาอะไรที่ perfect มันก็เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมล่ะ
(2) งาน
แม้จะไม่ได้เป็นงานที่รัก แต่ก็เหมาะกับเรา และเราก็ทำได้ดีเลยล่ะ
(3) จังหวะเวลาและโชค
ได้เข้ามาบริษัทช่วงที่เขากำลังปรับเป็น Promote แบบ Fast และเป็นช่วงที่บริษัทไม่ใหญ่มาก กำลังโต เราจึงเรียนรู้งานและเติบโตไปกับบริษัทได้ง่าย
(4) เพื่อนร่วมงาน
รวมถึงพี่ๆน้องๆ ทั้งในทีม และต่างทีม ที่ให้ความช่วยเหลือกันดี ไม่ต้องมาคอยระวังหลังว่ามีใครจะมาแทงหรือเปล่า โดยเฉพาะเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่น่ารักในทีม ที่ทำให้เราเหมือนได้ครอบครัวขนาดใหญ่มาอีกหนึ่งครอบครัว(และมีแนวโน้มว่าครอบครัวจะขยายไปเรื่อยๆ) หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไม่อยากไปไหนเลย
(5) หัวหน้า
การมีหัวหน้าที่ดี น่ารัก และเข้าใจลูกน้อง เป็นลาภอันประเสริฐ ยิ่งเห็นความสำคัญของเราด้วยแล้ว ไม่รู้จะได้เจอแบบนี้อีกไหม บางทีได้ยินเพื่อนเม้าท์ถึงหัวหน้าตัวเองแล้ว เล่นทำเอาไม่กล้าหางานเลยทีเดียว(กลัวเจอหัวหน้าแบบนั้น >.<)
(6) ตัวเอง
สำคัญที่สุด ซึ่งมันก็มาจากทั้งข้อดี และข้อเสียของยู้เอง
ส่วนหนึ่ง เพราะ ความเอื่อยเฉื่อย ไม่ชอบแข่งขัน และไม่ทะเยอทะยาน ทำให้เราไม่ได้คิดว่าจำเป็นจะต้องเปลี่ยนงานเพื่อความก้าวหน้า หรือการขึ้นเงินเดือน
แต่อีกส่วนคือ การยอมรับสถานการณ์ มองต่างมุม การแก้ปัญหาที่ตัวเอง และการมองหาความสุขในสิ่งที่ตัวเองทำ
หยุด "บ่น" เท่าที่จะเป็นไปได้(แปลว่าตอนนี้ยังหยุดเด็ดขาดไม่ได้ 555+) ถ้าเกิดปัญหา หรือความไม่ชอบใจขึ้น สิ่่งที่ต้องเตือนตัวเองคือ
มันมีข้อดีไหม?
ถ้าเราหงุดหงิดไม่ชอบใจก็มักจะเห็นแต่ข้อเสีย ลองมองดูใหม่อาจจะเห็นว่า เอ้อ! เรื่องนี้ก็มีข้อดีเหมือนกันนะ
- ถ้าเราได้งานยาก และว่าปีนี้จะมีอะไรเอาไปโม้ตอนประเมิน
- ถ้าได้งานใหม่ๆที่ไม่ถนัด นั่นหมายถึงเราได้เรียนรู้
- ถ้าอะไรๆหัวหน้าก็ให้เราทำ นั่นแปลว่าเขาเชื่อใจและให้ความสำคัญกับเรา
ทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น?
ลองคิดดูว่าถ้าเราเป็นเขา เราจะทำอย่างไร สิ่งที่เกิดขึ้นมีเหตุผลไหม
- Process ของบริษัทที่มันเยอะแยะ เพราะต้องการป้องกันความผิดพลาด
- การที่หัวหน้าลืม review งานให้เราอยู่เรื่อย เพราะเขาติดประชุมยุ่งมาก
ให้คิดถึงความลำบากของเขา ไม่ใช่คิดถึงแต่ความลำบากของเรา ถ้าเราพยายามเข้าใจเขา สุดท้ายถึงความหงุดหงิดจะไม่หายไป แต่ก็จะเบาบางลง
เราแก้อะไรที่ตัวเองได้บ้าง?
หลายคนมักจะรู้สึกว่าถ้าชั้นเป็นคนเปลี่ยนจะต้องทำเยอะเลยนะ เปลี่ยนที่คนอื่นง่ายกว่าไหม ทำนิดเดียวเอง แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่คนอื่นจะเปลี่ยนนั้น มันยากกว่าเริ่มเปลี่ยนที่ตัวเอง
- Process เยอะ และซ้ำซ้อน ลองเสนอหัวหน้าตัดออกบ้างได้ไหม หรือถ้ามันซ้ำกันจริง แปลว่าเราทำพร้อมๆ กันได้ไหม copy มาเลยได้ไหม
- หัวหน้าช้า และชอบลืม เราเข้าไปเตือนบ่อยๆ ได้ไหม แยกประเภทของงาน งานไหนรอได้ งานไหนรอไม่ได้ ตอนเอาไปส่งก็ย้ำไปเลยว่าเร่งนะคะ ช่วยทำทันทีด้วย
- ถ้า user ชอบส่งเอกสารกลับมาช้า คราวหน้าเราเผื่อเวลาให้มากขึ้นได้ไหม หรือเราโทรไปเตือนล่วงหน้าสักหน่อยได้ไหม
ความจริงการแก้ไขที่ตัวเองถ้าเราคิดแล้ว(อย่างไม่เข้าข้างตัวเอง) ว่าให้คนอื่นเปลี่ยนมันง่ายกว่าจริงๆ เราก็เริ่มทำได้ง่ายๆ ด้วยการไปบอกเขาว่าช่วยทำ..... ให้หน่อยได้ไหมคะ ดีกว่านั่งบ่น แล้วหวังลมๆแล้งๆให้อะไรๆเปลี่ยนไป
ถ้าคิดว่าทำอะไรที่ตัวเองไม่ได้แล้วจริงๆ สิ่งสุดท้ายที่เราเปลี่ยนได้ คือ เปลี่ยนตัวเองออกไปจาก environment นั้น.... ลาออกนั่นเอง อ้าว!! นี่มันบนความเกี่ยวกับการไม่ลาออกนี่นา
การลาออกเป็นเรื่องใหญ่(เมื่อเทียบกับไอ้ปัญหาขี้ประติ๋วนี่) ถ้าคิดว่าเราจะย้ายตัวเองไปที่อื่นดีไหม เราก็ต้องมาคิดถึงข้อดี ข้อเสีย ความเสี่ยง และมาถามตัวเองว่า เราจะยอมรับปัญหานี้ได้ไหม เมื่อเทียบกับข้อดีอื่นๆ ที่บริษัทให้เรา ถ้าตอบตัวเองว่า "ได้" แล้ว มันก็เป็นการตัดสินใจของเรา ความรับผิดชอบของเรา ที่จะต้องอยู่กับปัญหานี้ต่อไป
สุดท้าย และท้ายสุด มองหาความสุขเล็กๆให้กับตัวเองบ้าง
- ลูกค้าน่ารักๆ ขอบคุณที่เราใส่ใจแก้ไขงานให้
- เพื่อนร่วมงานที่เต็มใจให้คำปรึกษา แก้ไขปัญหาให้เรา
- น้องๆ ที่เห็นเราเป็นที่พึ่ง เห็นเราเป็นคนเก่ง บอกอะไรก็รับฟัง ถึงแม้ว่าบางทีเราจะมั่วๆบ้าง หรือช่วยอะไรไม่ได้บ้างก็ตาม
- พี่ๆ ที่เป็นห่วงเป็นใย คอยถามไถ่เวลาเห็นเรากลับดึก
- การหา error ให้ user ก็เหมือนเกมปริศนาที่ไม่มีเฉลยให้แอบดู
- วินาทีที่เจอสาเหตุ หลังจากงมมาทั้งวัน รู้สึกเหมือนเป็นนักโบราณคดีที่ขุดพบพิรามิดที่หายสาบสูญไป
เคยคิดไหมว่าจะลาออก? เคยมากกว่า 1 ครั้งแน่นอน ช่วง 3-5 ปีเป็นช่วง peak ที่สุด อารมณ์เบื่อ เครียด ไม่ได้ดั่งใจ ทำไมบริษัทถึงทำแบบนี้ ถ้าบริษัทจะเปลี่ยนเป็นแบบนี้ ขอไปก่อนที่มันจะแย่ไปกว่านี้ดีกว่า
แต่พอผ่านจุดนั้นมา ทุกๆ คนก็เริ่มปรับตัวได้ เริ่มรู้ว่าจะทำงานภายใต้ระบบใหม่อย่างไร เราจะ deal กับคนนี้อย่างไร คนนั้นอย่างไร สิ่งที่เราคิดไปเองว่าจะแย่แน่ๆ ก็ไม่แย่อย่างที่คิด ความคิดเราโตขึ้น รู้ว่าทั้งบริษัท และทั้งพี่ๆ ไม่มีใคร perfect แม้แต่ละคนจะมีข้อเสียของตัวเอง แต่ทุกคนก็ตั้งใจทำงานและมีความรับผิดชอบ (มากน้อยต่างกันไป :P)
รวมถึงเพราะคนที่ออกไปอยู่ที่อื่นมาเล่าสู่กันฟัง งานใหม่ก็มีดีมีแย่ผสมปนเปกันไป ก็เลยรู้สึกว่าอะไรที่เป็นอยู่มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนะ
ความคิดที่จะลาออกตอนนี้มีเรื่องเดียว คือ เริ่มกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นอยู่ในกะลา อยากจะมีการเปลี่ยนแปลงให้ตัวเอง active หรือหาอะไรใหม่ๆ ทำบ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น