วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2551

สยองขวัญ 3 เรื่องรวด ~ ~ ~ ~ ~


กลับมาอีกแล้ว blog เกี่ยวกับหนังของเรา กะว่าจะอัพเรื่องอื่นด้วยนะ แต่พักนี้เป็น Movie Mania หรือไงก็ไม่รู้อ่ะนะ 


เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมามีอาการว่างงาน ...... ความจริงก็ไม่ว่างหรอก แต่เกิดอาการ ลงแดง ทุรนทุราย อยากดูหนังอย่างหนัก (ทั้งๆที่เพิ่งดูไป) ก็เลยจัดการชวนน้องไปดูหนัง 3 เรื่องรวด!!!


มีแต่คนถามว่าไม่ปวดหัวเหรอ ตอบว่า "ไม่" ค่ะ หนังส่วนใหญ่ดูแล้วจะคลายเครียดทำให้หายปวดหัวมากกว่า

ยกเว้นบางเรื่องที่มีการจับภาพแบบแปลกๆ หรือที่ซูมมากจนจับการเคลื่อนไหวยากอ่ะนะ


เข้าเรื่องดีกว่า 3 เรื่องนั้นคือ

1. No country for old man รอบ 9.45 ที่ลิโด

2. The Mist รอบ 12.30 ที่ อีจีวี แกรนด์

3. P2 รอบ 16.20 ที่ เอสเอฟ มาบุญครอง

สรุปดู 3 เรื่อง 3 โรง เวลาประมาณนั้นแหละอาจจะคลาดเคลื่อนไปบ้างเล็กน้อย


ผลที่ได้คือ

1. ตังค์หายแว๊บๆ ไปเนื่องจากออกค่าตั๋วคนเดียวไม่พอ ดั๊นชวนน้องสาวไปด้วย ก็ต้องออกตังค์ X2 อ่ะนะ

2. สนุกดี ไม่ได้ดูพวกหนังสยองๆ มานานละ ความเห็นก็ตามด้านล่างนะคะ


ตามเคยคงมีการ spoil นะคะ ^_^ ถ้าจะไปดูก็อย่าอ่านแล้วกันน้า


ปล. ตัวหนังสือเป็นพรืดไปหน่อยนะคะ เพ้อมากไปหน่อย แล้วก็ขี้เกียจจัด


No country for old man หนังดีมีรางวัล


อาจมีคำถามว่าไอ้เรื่องนี้มันสยองขวัญเหรอ ??

ถ้าถามจริงๆก็คงต้องบอกว่าไม่ใช่ แต่ก็นะ ยิงกันเลือดสาด มีศพวางให้ดูเล่น ถึงจะบอกว่ามันออกไปทางบู๊ แต่ก็บู๊แบบสยองอ่ะนะ (ไม่แน่ใจแฮะว่าเขาจัดหนังเรื่องนี้เป็นแนวไหน)


บางคนอาจบอกว่าชื่อคุ้นๆ บางคนบอกว่าไม่ หนังเรื่องนี้คือที่ได้ออสการ์ เยอะๆ น่ะค่ะ

แต่การไปดูครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับออสการ์แต่อย่างใด

เพียงแต่ดูตัวอย่างแล้วเห็นมันเลือดสาดดี ไม่ได้ดูหนังเรทอาร์มานานแล้วตั้งแต่โคโยตี้แข้งปืนกล(จำชื่ออังกฤษไม่ได้แฮะ) ดูแล้วจะได้จรรโลงใจ โรคจิตไปไหมเนี่ย

แต่บางทีดูหนังแบบนี้มันก็ช่วยระบายความรุนแรงในตัวออกมาเหมือนกันนะ ............หา.....อะไรนะ ทำให้เพิ่มความรุนแรงมากกว่าเหรอ..............ไม่หรอกน่า...

เอาเป็นว่าตอนนี้คงยังไม่ไปยิงใครนะคะ หาปืนยังไม่ได้


ว่าแล้วก็วกเรือจากทะเลกลับมาที่ฝั่ง

ถ้าชอบดูหนังอาร์ตๆ แบบจบให้ไปคิดเอง หรือจบเหมือนไม่จบ จบแบบตัวร้ายไม่ตาย ใครเป็นพระเอกไม่รู้ ก็ไปดูเลยค่ะ Go! Go!

ไม่ได้เรียนเกี่ยวกับหนังมานะคะ แต่ดูแล้วก็รู้สึกได้ว่าเขาทำดี ดูแล้วน่าติดตามไปเรื่อยๆ ดูแล้วลื่นไหลไม่เหมือนหนังบางเรื่องที่พอเปลี่ยนฉาก ก็รู้สึกเหมือนโดนตัดฉับ

แต่ถึงอย่างไรก็ยังเป็นแนวหนังรางวัล ไม่ใช่หนังที่คนส่วนใหญ่จะบอกว่าสนุกนะคะ


เรื่องย่อ : พระเอก ก. ไปเก็บกระเป๋าที่มีเงินอยู่เต็มมาได้ใบนึง ท่ามกลางศพที่เขายิงกันตาย ประมาณว่าขายยากันแล้วตกลงกันไม่ลงตัวเลยยิงกันตายหมด ซึ่งเขาก็โดยมาเฟียตามล่าตามระเบียบ โดยคนที่ตามเขาเป็นนักฆ่าโรคจิตสุดๆ ส่วนพระเอก ข. ก็เป็นตำรวจวัยแก่ที่พยายามจะจับผู้ร้ายและช่วยพระเอก ก. ให้ได้ เรื่องก็เป็นแนวคนนึงตามคนนึงหนี ที่เรียก พระเอก ก. กับ พระเอก ข. เพราะมีตัวเด่นอยู่ 2 คนนี่แหละ ถ้าไม่นับตัวร้ายนะ แต่ตัดสินไม่ได้ว่าใครเป็นพระเอกนี่สิ ดูพระเอก ก. ก็บทเยอะดีอยู่หรอกนะ แต่ว่าดันตายไปก่อนจบซะตั้งนาน (- - ")


แล้วก็ตอนออกจากโรงระหว่างคุยกับน้องอยู่ ก็มีคุณลุงคนนึงหันมาบอกว่า "จบไม่รู้เรื่องเนอะ" 5555

อยากจะบอกคุณลุงว่าหนังแนวนี้มันก็เป็นงี้แหละค่ะ แต่กลัวเดี๋ยวลุงจะคุยด้วยยาว ประกอบกับอึ้งที่จู่ๆลุงก็หันมาคุยด้วย ก็เลยได้แต่ยิ้มตอบไป


The Mist อะไรก็เกิดขึ้นได้


นี่ก็จบเศร้าอีกเรื่อง หนังสมัยนี้เป็นอะไรกันเนี่ย จะจบให้มันจรรโลงใจหน่อยก็ไม่ได้ ใจร้ายจริงๆ


อันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเมืองที่จู่ๆ ก็มีหมอกลง (ฝุ่นมลพิษเหมือนเชียงใหม่อ๊ะป่าว) แล้วก็ดันมีแมลงประหลาดอยู่ในหมอกด้วย

เรื่องจับประเด็นที่ว่าชาวบ้านที่ต่างจิต ต่างใจ ต่างนิสัย มาติดอยู่ใน ซุปเปอร์มาร์เกต เดียวกันแล้ว จะทำอะไรกันบ้าง??


หนังถ่ายทอดออกมาดีตรงที่ดึงนิสัยของมนุษย์ออกมาได้ ว่าการเจอความกดดันขนาดนั้นแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง

การต่อสู้ ความตื่นตระหนก ความเห็นแก่ตัว ความกล้าหาญ คุณธรรมกับการเอาตัวรอด ความเชื่อ ไสยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ถ้าดูดีๆ มันจะรวมอยู่หมด

เรื่องนี้ก็ไม่รู้จะชมหนัง หรือหนังสือดี เพราะไม่ได้อ่านหนังสือก็เลยไม่รู้ว่ารายละเอียดสื่ออารมณ์ทั้งหลายในหนังเนี่ย มันมาจากหนังสือหรือเปล่า


แต่ออกจะจบโหดไปนิดนึง

ทำให้รู้ได้เลยว่าทำไมคนที่ไปดูมาแล้วถึงบอกว่า "ก็ดี หนังดี (แหละ)" เพราะหนังดีมากๆ แต่การจบแบบนี้คงจะไม่โดนใจคนไทยเท่าไหร่ (คนต่างประเทศจะชอบหรือเปล่าไม่รู้)


spoil ตอนจบให้ฟังแล้วกันเผื่อว่าคนอยากรู้แต่ไม่อยากดู

ทำสีเดียวกับพื้นหลังไว้นะคะ น้องสาวสอนมา ถ้าอยากอ่านก็ป้ายๆ หรือ กด Ctrl+A ให้มันโผล่ขึ้นมา

-->> หลังจากตอนแรกที่เนื้อเรื่องดำเนินตามแบบแผนหนัง (ต่อสู้กับแมลงที่เข้ามาในร้านได้ มีบุกไปเอายาจากร้านข้างๆ) ทุกคนก็ออกจะทนแรงกดดันไม่ไหวไปเข้าลัทธิประมาณบูชายัญ โดยจะเอาลูกชายประเอกไปให้แมลงกิน(มีเจ้าแม่ลัทธิอยู่คน พยายามเป่าหูทุกคน) ซึ่งในที่สุดพระเอกกับเพื่อนก็หนีออกมาจากที่นั่น และเหลือรอดไปถึงรถ 5 คน รวมลูกชายพระเอกด้วย ซึ่งได้วางแผนว่าจะขับรถไปเรื่อยๆ เผื่อว่าจะพ้นหมอกออกไป แต่จนน้ำมันหมดก็ยังไม่พ้นหมอกอยู่ดี กระสุนเหลืออยู่ 4 นัด ซึ่งพระเอกก็เสียสละให้อีก 4 คนไป และออกไปเตรียมรับความตาย แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่า มีกลุ่มทหารกำลังช่วยเหลือทุกคนและกำจัดหมอกออกไปจนหมด!!! ถ้ารออีกสัก 5 นาทีทุกคนก็จะรอดแล้ว T_T

ที่โดนใจคือในตอนต้นเรื่องมีผู้หญิงคนนึงบอกว่าจะฝ่าหมอกกลับไปหาลูกที่บ้านเธออยากได้ใครสักคนไปส่งเธอ (ซึ่งแน่นอนไม่มีใครยอมไป) ตอนจบนี้เห็นเธอคนนั้นปลอดภัยดีอยู่กับลูกของเธอ แสดงให้เห็นได้จริงๆ ว่าชีวิตนี้เป็นสิ่งไม่แน่นอน <<--


P2 หน้าตาดีก็พาซวยได้นะ


เรื่องที่กะว่าต้องไปดูให้ได้ เพราะ ซอว์ ที่อยากไปดูมาตั้งแต่แรก ตอนนี้ภาคสี่แล้วยังไม่ได้ดูภาคแรกเลย

เขาบอกว่าทีมสร้างเดียวกัน ก็ต้องดูสักหน่อย


ตามตัวอย่างหนังล่ะค่ะ ไอ้คุณยามในที่จอดรถดันถูกใจนางเอกสาวสวย ก็เลยจับมานั่งดินเนอร์กันในวันคริสต์มาสอีฟซะเลย


เรื่องไม่ค่อยมีอะไรมาก แต่ก็ตื่นเต้นตลอด เรื่องเหมือนจะมีเหตุผลแต่ก็ไม่มีเหตุผล

นางเอกก็อึดซะเหลือเกิน ฉากแบบสยองๆ ตามเละๆ มีให้เห็นอยู่เป็นพักๆ แต่ก็ไม่นับว่าเยอะ ส่วนใหญ่จะเน้นที่นางเอกหนีไปสู้ไปซะมากกว่า

อย่างที่บอกว่าไม่เคยดูซอว์ แต่คิดว่าน่าจะเละน้อยกว่า เพราะเรื่องนี้เน้นที่ความฮึดสู้ของนางเอกมากกว่า


เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

1. ตึกที่มียามแค่ 2 คนมันไม่ปลอดภัย

2. taxi เมืองนอกไร้น้ำใจสุดๆ เห็นคนออกจากตึกไม่ได้ แต่ดันขับออกไปเฉยเลย

3. อย่าจอดรถในที่ๆ มีประตูปิดทางออก ถ้าคิดว่าหน้าตาคุณอาจจะไปต้องใจยามเข้า

สุดท้าย อย่าทำงานหนักนัก กลับบ้านก่อนคนอื่นก็ไม่โดนอย่างนี้แล้วววววววว


ยาวไปหน่อย พบกันใหม่คราวหน้าจ้า >_<

1 ความคิดเห็น:

  1. ตึกที่มียามแค่ 2 คนมันไม่ปลอดภัย ==> แปลว่าต้องมีคุณพี่ security อยู่ 3 คนขึ้นไปเหรอยู้
    (แอบแซวจ้า)

    ตอบลบ