วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2551

บลา บลา บลา....

อาจจะสงสัยว่า บลาๆๆ คืออะไร ความจริงหลังจาก Juno แล้วก็ไปดูหนังมาอีกหลายเรื่องเลยมาเขียนรวบยอดซะเลย เอาเป็นสั้นๆ แล้วกันนะ (เขียนสั้นๆ เป็นด้วยเหรอเธอ)

The Chronicles of Narnia: Prince Caspian

เรื่องย่อ : หลังจากที่ 4 พี่น้องกลับมาที่โลกของเรา พวกเขาก็มีโอกาศกลับไปที่นาร์เนียอีกจนได้(ไม่งั้นจะมีภาค 2 ได้ไงล่ะ) แต่นาร์เนียกลับถูกปกครองด้วยมนุษย์ผู้ชั่วร้ายจนเหล่าสัตว์ป่า และสัตว์ในเทพนิยายของเราต้องหลบหนีอยู่ในป่า 4 พี่น้องจึงต้องร่วมมือกับเจ้าชายแคสเปี้ยน (เป็นเจ้าชายมนุษย์ที่เป็นคนดี และถูกตามฆ่าเพื่อชิงบัลลังค์) เพื่อช่วงชิงดินแดนคืนมาให้ชาวนาร์เนีย

ความเห็น : นับว่าสนุกเลยล่ะ ภาพก็สวยด้วย มีตื่นเต้นมีขำ เนื่องจากไม่ได้ดูภาคแรกเลยเทียบไม่ถูก แต่คนที่บอกว่าภาคแรกไม่สนุก ก็บอกว่าภาคนี้สนุกนะ แต่ถ้าใครหวังจะเข้าใจคุณพี่อัสลานของเรา ก็คงต้องผิดหวังหน่อยล่ะนะ เพราะตามความเห็นของเรา เรื่องนี้ออกจะปรัชญาหน่อยๆ(ไม่รู้เป็นหนังสือเด็กได้ไง) ถ้ามัวแต่สงสัยว่าตกลงมันเพราะอะไรถึงทำอย่างนั้น จะคาใจแล้วดูหนังไม่สนุกนะ

Pathology

คำนี้เป็นศัพท์ทางการแพทย์แปลว่าการศึกษาเกี่ยวกับความผิดปกติของร่างกาย : น้องสาวบอกมา (ซึ่งก็คงเป็นการชันสูตรศพหาว่ามีอะไรในร่างกายผิดปกติไปบ้าง)

เรื่องย่อ : พระเอกของเราเป็นแพทย์ชันสูตรศพที่เก่งคนหนึ่ง ซึ่งได้เข้าไปพัวพันกับเกมอันตราย แต่ละะคนต้องไปหาเหยื่อเพื่อฆ่าด้วยวิธีแปลกๆ แล้วนำศพมาให้เพื่อนๆ ชันสูตร ว่าใครจะสามารถฆ่าคนด้วยวิธีซึ่งไม่มีใครทราบหรือตามรอยได้ เขาหลงไหลไปในความตื่นเต้นและเซ็กซ์กับหญิงสาวคนหนึ่งในกลุ่ม เมื่อเขาต้องการจะถอนตัวเพื่อคู่หมั้นของเขา และต้องปกป้องตัวเอง และเธอจากความบ้าของบรรดาเพื่อนเขา เขาจะทำอย่างไรจึงจะหลุดจากเกมนี้ได้

ความเห็น : เป็นหนังที่ดูแล้วสนุก ถ้าดูเรื่อยๆ นะ จุดขายน่าจะเป็นความแหวะ และภาพที่ออกจะโจ๋งครึ่ม (ถึงอย่างไรก็ยังกินป๊อปคอร์นไปดูไปได้อยู่ดี) แต่ที่เราชอบในเรื่องนี้คือ อยากรู้ว่าจะมีการฆ่าด้วยวิธีแบบไหนกันแน่ และทำให้รู้ได้ว่าการชันสูตร ทำให้รู้วิธีตายได้จริงๆ ด้วยนะ อีกเรื่องหนึ่งที่ชอบคือ ปกติหนังโรคจิตก็จะมีแค่คนโรคจิตมาไล่ฆ่าคน แต่เรื่องนี้ได้บอกความคิดของหนังออกมาด้วยคำถามหนึ่งซึ่งถามไปยังพระเอกว่า "ถ้าฆ่าคนคนหนึ่งได้โดยไม่มีความผิดคุณจะฆ่าใคร?" พระเอกบอกว่า "ฆ่าใครก็ได้ ถ้ามนุษย์สามารถฆ่าใครก็ได้โดยไม่มีความผิด ก็คงจะไปฆ่าใครก็ได้สักคน เพราะมนุษย์นั้นก็เหมือนสัตว์มีสัญชาตญาณที่จะฆ่ากันอยู่แล้ว" ถึงจะไม่ใช่สัจธรรมซะทีเดียว แต่ก็มีส่วนถูกอยู่บ้างล่ะนะ

The Incredible Hulk

เรื่องย่อ : ย่อไม่ถูก... ไปอ่าน ความเห็นแล้วจะรู้ว่าทำไม - -" เอาเป็นว่า บรูซ พระเอกของเราเวลาโกรธหัวใจเต้นถึง 200 แล้วจะแปลงร่างได้ เขาต้องหนีทหารเพื่อไม่ให้เอาตัวเขาไปเป็นอาวุธ และหาวิธีรักษาตัวเอง สุดท้ายก็ได้ใช้พลังนั้นช่วยปกป้องโลกด้วย

ความเห็น : อ่านที่เขียนเรื่องย่อไปก็คงจะรู้ว่าไม่ค่อยชอบเรื่องนี้ ไม่รู้เพราะว่าวันนั้นรู้สึกเมื่อยตัวตอนนั่งดูหรือเปล่าเลยไม่มีสมาธิดู (หรือว่าเพราะมันไม่สนุกเลยรู้สึกไม่อยากนั่งเฉยๆดูก็ไม่รู้) แต่เอาเป็นว่ารู้สึกว่ามันรวมอะไรก็ไม่รู้หลายอย่างมาไว้ในเรื่องเดียว เอาเป็นเรื่องๆได้ม้ายยยยยยยยยยยยย (อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ คนที่เขาว่าสนุกก็มี) ขอ spoil หน่อยนะ คือ จะ focus ที่การหนี การรักษา หรือการสู้กับตัวร้ายก็เอาสักอย่าง ตอนแรกเรื่องเหมือนจะ focus ที่การหนีโดยที่ต้องพยายามไม่ให้ตัวเองแปลงร่างไปด้วย(เพราะแปลงร่างแล้วจะควบคุมตัวเองไม่ได้) และพยายามหาทางรักษาไปด้วย ทำไปทำมาคุณทหารก็เอายาอะไรไม่รู้ ไปฉีดใส่ทหารอีกคนให้มีพลังมากขึ้น ถ้ามียานี้แต่แรกจะตามหาพระเอกทำไมฟะ ฉีดยาให้เป็นแบบพระเอกไปก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ด้วย สู้มีพลังเพิ่มนิดหน่อยแล้วควบคุมได้ไม่ดีกว่าเหรอ

แล้วพระเอกที่เหมือนจะไม่อยากให้นางเอกเห็น แต่ก็เจอกันง่ายๆ ซะงั้น แถมพระเอกหนีทหารได้ตั้งนาน หลบนางเอกได้แป๊บนึงดันมาเดินบนสะพานให้นางเอกขับรถตามมาซะนี่ อ้อ! นางเอกมีแฟนใหม่อีกต่างหาก ถ้ารักกันจะเป็นจะตายแบบนั้นก็ครองตัวเป็นโสดไปสิยะหล่อน แล้วตอนแปลงร่างที่เหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ พอเจอนางเอกอย่างกับหมาเจอเจ้าของเลย เข้าไปปกป้องอีกต่างหาก ถ้าควบคุมตัวเองไม่ได้ ก็ควรจะแค่ชะงักไม่ทำร้าย แล้วก็วิ่งหนีไปทางอื่นเซ่ สรุปสุดท้ายเหมือนจะรักษาได้แล้ว แต่ก็รักษาไม่ได้(แปลงร่างแบบไม่ต้องใช้ความพยายามสักนิด) แล้วตัวร้ายที่เหมือนจะเก่งกว่ามากๆ อยู่ๆ ก็เหมือนพลังลดลงมาเท่ากัน แล้วก็แพ้

สรุปตอนจบ พระเอกก็หนีไปอีก เหมือนตอนต้นเรื่องเลย ดูไปสองชั่วโมงกลับมาที่จุดเดิม (ลืมไป นางเอกรู้ขึ้นมาว่าพระเอกยังไม่ตาย)

ปล. ที่บ่นมาทั้งหมดนี่เป็นอคติส่วนตัวทั้งนั้นเลย ดูเรื่อยๆหนังก็สนุกดี แต่ดูแล้วขัดใจจริงๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น