จากที่เคยชอบ Monster, Inc. หนังเรื่องนี้มาเติมเต็มเรื่องราวนั้น ว่ากว่าที่ไมค์และซัลลี่จะมาเป็นคู่หูที่สุดยอดได้นั้น พวกเขาผ่านอะไรมาบ้าง และต้องพยายามกันมาขนาดไหน จากภาคแรกที่ดูเหมือนไมค์จะเป็นแค่ตัวตลก ขี้บ่น(และเหมือนจะเกาะซัลลี่ดัง) ความจริงแล้วมันเป็นมาอย่างไร
ชอบเนื้อเรื่องมาก ได้อะไรหลายอย่าง ทั้งเรื่อง ความพยายาม ความเชื่อมั่นในตัวเอง/นำจุดเด่นของตัวเองมาใช้ การทำงานเป็นทีม สิ่งที่เราเห็นภายนอกอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นเสมอไป สุดท้ายคือบางครั้งไม่ว่าจะพยายามอย่างไรคนเราต้องยอมรับข้อจำกัดของตัวเอง เราจึงจะพัฒนาจุดเด่น จนทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ
เรื่องย่อ(แบบ spoil มากกว่าตัวอย่างหนัง และเรื่องย่อตาม web นิดหน่อย)
การเป็นนักหลอนเป็นความฝันของชาว monster ทุกคน ซึ่งหนทางหนึ่งคือเข้ามหาวิทยาลัยใน scare major ไมค์และซัลลี่ทำตามฝันขั้นแรกได้สำเร็จโดยได้เข้าเรียนใน major นี้ แต่หนทางไม่สวยหรูอย่างที่คิด เมื่อจะต้องมีนักเรียนถูกคัดออกในการสอบ ไมค์ผู้ออกจะเป็นเด็กเนิร์ด และซัลลี่ผู้โด่งดัง(เพราะมาจากตระกูลนักหลอนที่โด่งดัง) ออกจะไม่ถูกกันด้วยความคิดและวิธีใช้ชีวิตต่างกัน กลับลงเอยด้วยการถูกให้ออกจาก program เหมือนกัน ด้วยเหตุผลที่ต่างกันสุดขั้ว ไมค์รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับการหลอนแต่ไม่มีความน่ากลัว ส่วนซัลลี่ที่สามารถคำรามได้อย่างน่ากลัวกลับไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการหลอนเอาซะเลย
สองคนนี้จะทำอย่างไรต่อไป จึงจะทำให้ความฝันของพวกเขาเป็นจริงได้ และทำไมสุดท้ายพวกเขาถึงมาเป็นคู่ซี้กัน
SPOIL ALERT!!!!
เปิดเรื่องมาหนูน้อยไมค์ได้มาทัศนศึกษาใน scare floor ของ Monster, Inc. และดันตามนักหลอนเข้าไปในห้องนอนเด็ก โดยเขาไม่รู้ตัว จนนักหลอนตนนั้นประทับใจให้ หมวกมาเป็นที่ระลึก ซึ่งเป็นจุดเริ่มทำให้ไมค์พยายามเข้า Monster University ตามรอยเท้านักหลอนคนนั้นให้ได้
หลายปีต่อมาไมค์ทำสำเร็จและได้เป็น room mate กับแรนดัล(กิ้งก่า ทีเป็นตัวร้ายของภาคที่แล้วนั่นแหละ) ซึ่งเป็นคนที่ค่อนข้างไม่มีความมั่นใจในตัวเอง แต่พยายามจะทำให้ผู้อื่นประทับใจ [ข้อคิด:ไม่มีใครเลวมาตั้งแต่แรก] ในชั่วโมงแรกไมค์กำลังจะตอบคำถามอาจารย์ แต่ซัลลี่เข้ามาคำรามอย่างน่าประทับใจและดึงความสนใจทุกคนไป ตามมาด้วยท่านคณบดีสุดหลอนเข้ามาประกาศว่าในการสอบครั้งต่อไปใครทำไม่ได้จะถูกคัดออก(อย่างกับ AF)
ในการเจอกันครั้งแรกไมค์และแซลลี่ไม่ชอบหน้ากัน ไมค์มีความพยายาม ตั้งใจอ่านทุกอย่างทำทุกอย่างตามทฤษฏี(อารมณ์เด็กเนิร์ด) แต่แซลลี่เป็นคนดังอยู่กับกลุ่มคนดัง และดูถุกไมค์ ทั้งสองตั้งใจจะแข่งกันในการเรียน ซึ่งไมค์ขยันและพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ แต่แซลลี่ผู้มัวแต่ปาร์ตี้กลับจมปลักอยู่ที่เดิม
และแล้ววันสอบก็มาถึง ทั้งสองคนทะเลาะกันจนเป็นเรื่องเล็กน้อย ทำให้คณบดีลงมาสอบให้ด้วยตัวเอง และไล่ทั้งสองคนออกจาก Program เพราะแซลลี่ไม่สามารถพัฒนาการหลอนให้ถูกต้องตามลักษณะของเด็กได้(ประมาณว่าไม่ใช้สมองนั่นแหละ) และบอกว่าถึงแม้ไมค์จะมีความรู้ทุกอย่างแต่เขาไม่มีความน่ากลัวเลย ซึ่งสิ่งนี้ไม่สามารถได้มาด้วยความพยายาม
แต่ไมค์ไม่ยอมแพ้ เขาไปรวมตัวกับบ้าน อูซม่า แคปป้า ซึ่งเป็นบ้านสุดเห่ยในมหาวิทยาลัย ลงแข่ง scare game เพื่อพิสูจน์ว่าเขาเป็น monster ที่น่ากลัวที่สุดได้ ไมค์ได้พนันกับคณบดีว่าถ้าเขาชนะจะต้องรับทั้งทีมกลับเข้าคณะ แต่ถ้าเขาแพ้จะต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย พร้อกับจำใจรับซัลลี่เข้าทีมมาด้วยเพราะจำนวนคนไม่พอ (แรนดัลได้กับเข้ากลุ่มกับบ้น ROR บ้านอันดับหนึ่ง และไม่ยอมคุยกับไมค์อีกแล้ว)
แม้จะอยู่ทีมเดียวกันแต่ทั้งสองคนก็ยังทะเลาะกันไม่เลิก ในด่านแรกไมค์และซัลลี่คิดว่าตัวเองจะสามารถเอาชนะด้วยตัวเองได้ แต่กลับกลายเป็นว่าได้ที่โหล่(เพราะดันทิ้งเพื่อนร่วมทีมไว้ข้างหลัง) และเกือบถูกคัดออก โชคดีที่มีทีมหนึ่งทำผิดกฏจึงโดนคัดออกแทน[ข้อคิด:บางทีโชคก็สำคัญนะ] ทั้งสองคนเริ่มคิดว่าคงจะไม่ชนะ หลังจากเหตุวุ่นวายในรอบสองทีมเอาชนะมาได้อย่างหวุดหวิด ดูเหมือนบ้านอื่นๆ จะยอมรับและชวนพวกเขาไปปาร์ตี้ แต่สุดท้ายกลับเป็นแค่เรื่องแกล้งกัน ในขณะที่ทั้งทีมกำลังจะถอดใจ ไมค์ได้พาทุกคนแอบเข้าไปดู scare floor และปลุกใจทุกคนว่าเหล่านักหลอนมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น Monster แบบใดก็เป็นนักหลอนได้เช่นกัน ไมค์กับซัลลี่ได้คืนดีกันในวันนั้นนั่นเอง
หลังจากนั้นไมค์และซัลลี่ตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานเป็นทีม บ้านอูซม่า แคปป้า จึงเริ่มการซ้อมหนักโดยมีไมค์เป็นโค้ช ดึงจุดเด่นของแต่ละคนออกมา หลังจากนั้นพวกเขาก็ชนะมาเรื่อยๆ ตามบ้าน ROR มาอย่างหายใจรดต้นคอ ไมค์และแซลลี่กลายเป็นคู่ที่ทำงานเข้าขากัน ก่อนเกมสุดท้ายซัลลี่ได้คุยกับคณบดี และตระหนักว่าแม้ไมค์จะสอนเขาและเพื่อนๆ หลายอย่าง แต่เขาไม่สามารถช่วยให้ไมค์น่ากลัวขึ้นได้เลย
ในรอบสุดท้ายเป็นการแข่งหลอนในเครื่อง simulation อูซม่า แคปป้า ขึ้นนำได้ด้วยการหลอนของซัลลี่ และความผิดพลาดของแรนดัล ไมค์ซึ่งเข้าไปปิดท้ายได้คะแนนเต็มหลอดจนชนะมาได้ในที่สุด แต่เรื่องราวกลับตารปัตร เมื่อไมค์พบว่าที่พวกเขาชนะมาได้เพราะซัลลี่ไปปรับระดับความยากของไมค์ให้ต่ำสุด ไมค์ได้ขโมยกุญแจเข้าไปในห้องทดลองของมหาวิทยาลัย ผ่านประตูเข้าไปยังห้องเด็ก เพื่อพิสูจน์ตนเอง และได้ค้นพบว่าเด็กๆ ไม่กลัวเขาเลย
แซลลี่ที่ทำเพื่อนๆ ผิดหวังกำลังสารภาพผิดกับคณบดี จึงได้ข่าวการบุกรุกห้องทดลอง เพื่อนๆ ช่วยแซลลี่ให้บุกผ่านประตูไปช่วยไมค์ ในโลกมนุษย์นั้นทั้งสองได้ปรับความเข้าใจกันถึงความลำบากและพยายามของไมค์ และการที่แซลลี่ปกปิดความกลัวต่อความคาดหวังของตระกูลด้วยการทำตัวเหมือนไม่ยี่หระต่อสิ่งใด ทั้งสองหนีการตามล่าของผู้ใหญ่กลับมายังประตูในกระท่อม แต่พบว่าคณะบดีได้ปิดมันไปแล้ว
ไมค์วางแผนที่จะหลอกคนในฝากโลกมนุษย์เติมพลังงานให้ประตู เพื่อที่จะได้กลับไปได้ การหลอกผู้ใหญ่นั้นทำได้ไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะกับไมค์ซึ่งไม่มีความน่ากลัว เขาจึงต้องให้แซลลี่ช่วย ไมค์ได้วางแผนการหลอนเป็นขั้น(อารมณ์หนังผี) จนทำผู้ใหญ่ขวัญกระเจิง เติมพลังงานให้ประตู และกระบอกทั้งหมดในห้องทดลองจนล้น พวกเขากลับมาได้พร้อมกับประตูที่ระเบิด ท่ามกลางความประหลาดใจของคณบดี
สุดท้ายแล้วทั้งสองก็ถูกให้ออกจากมหาวิทยาลัย แต่เพื่อนๆ ของเขาได้เข้าเรียนใน scare major ก่อนที่ไมค์จะกลับบ้านไปนั้น คณบดีได้มากล่าวยอมรับในตัวไมค์ และซัลลี่ก็บอกว่าถึงแม้ว่าไมค์จะไม่น่ากลัว แต่ไมค์เคยกลัวอะไร ทั้งสองคนจึงตกลงกันเข้าทำงานที่ Mail room ใน Monster, Inc. และไต่เต้าขึ้นไปเป็นคนทำความสะอาด, คนครัว จนในที่สุด ก็ได้ทำงานใน scare floor ตามความฝัน
ชอบตอนจบที่สุดตรงที่ว่าแม้ทั้งสองคนจะทำเรื่องเหลือเชื่อ แต่ในเมื่อทำความผิดพวกเขาจึงต้องโดนไล่ออกอยู่ดี (ไม่ใช่ว่าทำผิดแล้วเก่งก็จะจบ) แต่ในเมื่อพวกเขามีความพยายามเริ่มจากงานเล็กๆ และทำให้ดีที่สุดในทุกๆ งานที่ได้รับมอบหมาย สุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาฝันไว้ก็เป็นจริงขึ้นมาได้
อีกเรื่องหนึ่ง คือ การเรียนมหาวิทยาลัย เป็นทางที่จะทำให้ได้เข้าทำงานใน scare floor อย่างง่ายๆ ไมค์กับซัลลี่ถึงแม้ไม่เรียนมหาวิทยาลัยก็ประสบความสำเร็จได้เช่นกัน แต่ต้องแลกมาด้วยความพยายามอย่างมากด้วย
ปล1. พล็อตแนวนี้ชอบมาก ฟินเวอร์ ถ้ามีลูกจะเอาให้ลูกดูเลย
ปล2.ตอนแรกมีเด็กเกรียนกลุ่มนึงนั่งอยู่ข้างหน้า คุยกันได้ยินไปครึ่งโรงแล้วมั้งและคุยกันตลอดโฆษณา/ตัวอย่างหนัง/หนังสั้น (เด็กกลุ่มนี้มันไม่รู้ว่าโดยปกติ pixar จะมีหนังสั้นก่อน) แต่พอหนังฉายแล้วสงบเงียบดี
ปล3. อยากนั่งดู credit แต่คนอื่นออกจากโรงไปหมดแล้ว พนักงานก็ฉายไฟฉายตรวจที่นั่งกดดันอ่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น