วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

The Purge : เมื่อมนุษย์ถูกปลดปล่อยจากกฏหมาย

เรื่องย่อ


อเมริกามีอัตราอาชญากรรมต่ำเป็นประวัติการณ์ และเศรษฐกิจก็ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่า ใน 1 ปี... จะมีคืนหนึ่ง....คืนล้างบาป....เพียง 12 ชั่วโมง ที่อาชญากรรมทุกรูปแบบ แม้แต่การฆาตกรรม

ครอบครัวแซนดินเห็นด้วยกับแนวทางนี้ และทุกปีพวกเขาจะปิดตัวเองอยู่ในบ้านรอจนคืนล้างบาปผ่านพ้นไป แต่ปีนี้กลับต่างออกไปมีชายผู้หนึ่งหนีมายังในละแวกบ้านของเขา และลูกชายของพวกเขาได้ปล่อยเขาเข้ามาซ่อนตัวในบ้าน และเหล่าผู้ที่ออกมาล้างบาป ก็ตามมาขอตัวเขาไม่เช่นนั้นจะพังเข้ามา พวกเขาจะผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปได้หรือไม่....



    • หนังตื่นเต้น ลุ้น กดดัน แต่รู้สึกว่าไม่มากเท่าที่คิดไว้ ไม่เหมือนหนังแนวนี้เรื่องอื่นๆ (ปกติจะมีเรื่องเปิดฉากนิดหน่อยแล้วก็คนร้ายบุกมา หนังจากนั้นก็กดดันในการซ่อน/หนี) แม้เนื้อเรื่องจะไม่ได้สลับซับซ้อน แต่มีส่วนที่ให้คิดตาม ก็เลยปูเรื่องค่อนข้างนาน

    • ฉากคุยค่อนข้างเยอะ ใครคิดว่าจะได้เจอพวกฉากยิงกันกระจุย ฟันหัวแบะ เลือดสาด คงจะผิดหวังเพราะมีไม่เยอะ

    • ดำเนินเรื่องค่อนข้างช้า ทำให้มีเวลาคิดพิจารณาสถานการณ์ในเรื่อง จนจิตตก

    • จบโอเคนะ แต่ไม่ทำให้หายจิตตก = =!

เป็นหนังที่ทำให้ต้องกลับมาคิดว่าถ้าเราอยู่ในสถานการณ์นั้นตัวเราจะทำอย่างไร ถ้าไม่มีกฏหมายกำกับแล้วมนุษย์เราจะทำผิดมนุษยธรรมได้ง่ายๆ อย่างนี้เลยจริงหรือ


===SPOIL===


ตอนเริ่มเรื่องหนังให้ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคืนล้างบาป ว่าทำให้อาชญากรรมลดลง เป็นการยอมรับว่ามนุษย์มีความรุนแรงและควรจะมีช่องทางให้ปลดปล่อย เหล่าเพื่อนบ้านของครอบครัวแซนดิน ก็ดูจะมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข เจมส์(คุณพ่อของครอบครัว) ก็ขายระบบป้องกันบ้าน(ขายเพื่อนบ้านนี่แหละ) จนร่ำรวยมีเงินต่อเติมบ้านจนใหญ่โต ดูเหมือนว่าหลักการนี้จะทำให้อเมริการดีขึ้น จะมีคนแย้งก็ในเรื่องที่ว่า คนที่จะโดนล้างบาปมักจะเป็นคนจนที่ไม่มีปัญญาซื้ออะไรมาป้องกันตัว ซึ่งเหมือนเป็นการกำจัดส่วนเกินของสังคม กำจัดคนที่เป็นตัวถ่วงทางเศรษฐกิจ สุดท้ายนอกจากอาชญากรรมลดลงแล้ว เศรษฐกิจก็เลยดีขึ้นด้วย (เป็นข้อดีซะงั้น)

ครอบครัวแซนดินเป็นครอบครัวที่มีความสุข อาจจะมีปัญหานิดหน่อยตามประสา กับลูกสาวที่กำลังโตเป็นสาว อยู่ในวัยต่อต้าน และติดแฟน กับลูกชายที่ออกจะเก็บตัว มีความคิดเป็นของตัวเอง และเริ่มสงสัยว่า"คืนล้างบาป"เป็นสิ่งที่ดีจริงหรือไม่ และสงสัยว่าพ่อแม่ของเขาจะมีวันที่ออกไป"ล่า"เหมือนคนอื่นๆ หรือไม่

[ช่วงแรกยาวพอสมควร คนที่คาดหวังว่าเรื่องนี้จะออกแนว Stranger อาจจะหลับไปแล้ว]

หลังจากบ้านแซนดินปิดบ้าน คุณลูกสาวพบว่าแฟนแอบเข้ามาอยู่ในบ้านเพื่อจะคุยกับคุณพ่อให้ยกลูกสาวให้ บอกว่าคุยวันนี้จะได้หนีไปไหนไม่ได้(บ้านใหญ่โคตร คงจะหนีไปไม่ได้หรอกนะ) ทางฝ่ายลูกชายเห็นคนวิ่งหนีมาขอความช่วยเหลือข้างนอก ก็เกิดมนุษยธรรมพรุ่งพรวด เปิดให้เขาเข้ามาหลบซะงั้น ระหว่างที่คุณคนแปลกหน้ากับคุณพ่อกำลังคุมเชิงกันอยู่ อีคุณแฟนก็โผล่เอาปืนออกมาจะยิง! พ่อหลบ! กระสุนพลาด! คุณพ่อยิงสวน! (กรุณาอ่านด้วยเสียงเหมือนพากษ์มวย) คุณแฟนโดนยิง ขึ้นไปตายบนห้องลูกสาว  คุณคนแปลกหน้าก็หายไปซะแล้ว

ในบ้านกำลังกลัวว่าคุณคนแปลกหน้าจะมาร้าย นอกบ้านก็มีกลุ่มคนใส่หน้ากากมาบอกว่าตัวเองเป็นกลุ่มคนที่ "มีฐานะ" และ "มีการศึกษา" มาขอตัวคนแปลกหน้าคืนไป เพื่อล้างบาป[ตอนหน้ากากก็หลอนแล้ว อีตาคนที่เป็นหัวหน้าถอดหน้ากากออกมาหน้าหลอนเหมือนหน้ากากเลย] โดยให้ครอบครัวแซนดินส่งเขาออกไป ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะใช้เครื่องมือเข้ามาและฆ่าทั้งครอบครัว คุณพ่อยอมรับว่าถึงแม้บ้านจะปิดล็อคแล้ว แต่ว่าก็มีอีกหลายวิธีที่เข้ามาได้ (เช่น ขุดอุโมงค์ พังกำแพง)

หลังจากนั้นเป็นการตามล่าคุณคนแปลกหน้า โดยที่อีตาลูกชายพยายามช่วยให้เขาไปซ่อน [ตรงนี้เห็นด้วยกับคนทั่วไปว่ามันดูไม่มีเหตุผลมากๆ ที่ลูกชายพยายามจะช่วยคนแปลกหน้าโดยไม่ลังเลเลย อยากโดนฆ่ายกครอบครัวเหรอฟะ] ต่อสู้กันชุลมุนไปมาก็จับคุณคนแปลกหน้ามัดแล้วพยายามจะส่งตัวไปข้างนอก แล้วแม่(กับลูกทั้งสอง) ก็รู้สึกตัวขึ้นมาว่าพวกเขากำลังทำสิ่งที่โหดร้ายอยู่ แล้วก็งอนพ่อหนีไป คุณคนแปลกหน้าเริ่มยอมรับว่าให้ส่งเขาออกไปได้ แต่คุณพ่อเปลี่ยนใจซะแล้ว ไปหาอาวุธมาแล้วพยายามจะสู้

หลังจากนั้นผู้คนก็บุกเข้ามา โดยเอารถ&โซ่มาดึงประตูออก(ตอนแรกนึกว่าจะมีอุปกรณ์แฮคให้ประตูเปิดซะอีก) ไล่ฆ่ากันไปมา คุณพ่อเก็บไปหลายคน ส่วนแม่กับลูกชายทำอะไรไม่ได้เลย = =! [ช่วงนี้ฉากจะดูจิตๆ หน่อย] สุดท้ายคุณพ่อโดนคุณหัวหน้าจิ้มเลือดอาบ สามคนกำลังจะโดนฆ่า ลูกสาวก็โผล่มายิงคุณหัวหน้าซะหมดแม็ค ระหว่างที่ต่อสู้กันนั้นจะเห็นว่ามีคนกลุ่มใหม่กำลังเข้ามายิงพวกหน้ากากจนหมด คุณพ่อเสียเลือดตาย และปรากฏว่าคนกลุ่มใหม่คือเพื่อนบ้านที่จะมาล้างบาปครอบครัวนี้เพราะรู้สึกว่าพวกแซนดิน เอาเงินของพวกเขา(ที่ซื้อระบบปิดบ้าน) มาอวดรวยใส่พวกเขา

ระหว่างนั้นคุณคนแปลกหน้าก็โผล่มาช่วย (ยิงตายไปบางคน) และถามว่าจะทำยังไงต่อ ทุกคน(ในหนัง) รู้สึกว่าต้องยิงทิ้ง แต่คุณแม่บอกว่าจะไม่ทำ นั่งอยู่เฉยๆ จนหมดคืน ก่อนจะเช้าก็มีคนพยายามจะขัดขืน เลยโดนคุณแม่อัดซะ แล้วบอกประมาณว่า "คืนนี้มีการฆ่ากันมากพอแล้ว ไม่เข้าใจเหรอไง" [ชอบมากประโยคนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนอื่นต้องขำ]

สุดท้ายหมดเวลาคุณเพื่อนบ้านก็กลับบ้านไป ทีวีออกมาบอกว่าปีนี้มีคนออมาร่วมคืนล้างบาปมากที่สุด เดินไปทางไหนก็แทบจะสะดุดศพ....


ความรู้สึกหลังดูจบ



  • ถ้าเราอยู่ในประเทศที่มีคืนแบบนี้จริงจะเป็นอย่างไร เราจะ lock ตัวเองอยู่ในบ้าน ไม่สนใจแม้มีคนมาขอความช่วยเหลือได้หรือไม่ ถ้ามีคนจะมาล้างบาปคนที่หลบอยู่กับเรา(รู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม) เราจะยอมส่งตัวเขาออกไปตาย หรือยอมเสี่ยงชีวิตของครอบครัวเราเพื่อมนุษยธรรม การใช้ชีวิตอยู่ตลอดปีจะรู้สึกอย่างไร ถ้าเราไปขัดขาใครเข้า เขาจะมาล้างบาปเราหรือเปล่า?

  • ไอเดียแบบนี้ ช่วงแรกๆ น่าจะดี จำกัดความรุนแรงมาอยู่ในคืนเดียว ปีแรกๆ ผู้คนอาจจะยังไม่กล้า แต่ถ้าเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ผู้คนเริ่มเคยชินกับมัน สุดท้ายมันก็จะกลายเป็นเรื่องธรรมดา จากที่คนรู้สึกว่ามันผิด แค่ถูกกฏหมาย จะกลับกลายคนรู้สึกว่ามันถูกต้อง เป็นสิทธิโดยชอบธรรมที่จะทำอย่างนั้น จากที่คนออกมาในคืนนั้นเป็นพวกที่มีแนวโน้มจะทำอาชญากรรมเท่านั้น กลับกลายเป็นคนทั่วไปจะแสดงออกถึงกิเลสเล็กน้อย(เช่น ความอิจฉา) ด้วยการฆ่ากันในคืนนั้น หรือพยายามแก้ปัญหา(ว่าพ่อไม่ให้คบกัน)ด้วยการฆ่า เพราะเห็นว่าเป็นวิธีง่ายๆ

  • บางครั้งสิ่งที่ได้ผล อาจจะไม่ต้องทำได้จริง แค่ให้ความรู้สึกว่าอย่างนั้น >> ระบบปิดบ้านที่คุณพ่อขาย ไม่ใช่ว่ามันจะกันได้จริงๆ แต่ความจริงสิ่งที่มันทำก็คือ ทำให้คนที่มองมา "รู้สึก" ว่าบ้านถูกปิดแน่นและเข้าไปยาก และย้ายไปหาเป้าหมายที่ง่ายกว่า

  • พอคนเรามีฐานะและการศึกษาสูง มีแนวโน้มที่จะเห็นคนอื่นต่ำกว่าเรา ดูถูกคนอื่น และที่ร้ายแรงที่สุดคือ เห็นเขามีค่าความเป็นคนต่างจากเรา

  • ส่วนที่ชอบของหนังเรื่องนี้คือไอเดีย และตอนจบที่คุณแม่เลือกที่จะไม่ทำร้ายผู้อื่น

  • ส่วนที่ไม่ชอบ คือ มันน่าจะสามารถแสดงการต่อสู้กันระหว่างการเอาตัวรอดและคุณธรรมให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะลูกชายที่ดูไม่พยายามเอาตัวรอดเลย ซึ่งดูประหลาดมาก

#ถึงแม้เรื่องในบ้านจะจบค่อนข้างดี แต่โลกกลับแย่ลง ยิ่งทำให้จิตตกหลังดู

#แล้วครอบครัวนี้จะทำอย่างไรล่ะเนี่ย พ่อก็ตายแล้ว ถ้าไม่ย้ายบ้านปีหน้าโดนฟันหัวแบะแน่ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น