สามอันนี้ไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่หรอก แต่ว่าขี้เกียจเขียนหลายอัน
เมื่อ week ที่แล้วไปดู watchmen มา หนังมันอาร์ตยังไงไม่รู้ แล้วก็จบแบบยังไงไม่รู้ ทำเอาอธิบายไม่ถูก
ไม่ใช่ว่าไม่สนุกนะ ตอนดูก็เรื่อยๆ แต่มันจบแบบ แบบ แบบ ความจริงเกิ๊น(กรุณาขึ้นเสียงสูงเพื่อความสมจริง) ดูแล้วรู้สึกว่าไม่มีใคร perfect สันติภาพของโลกมันช่างจอมปลอม และโลกนี้ก็คงยังต้องฟอนเฟะต่อไป เมื่อไหร่ที่โลกสงบสุข อะไรๆ เจริญถึงขีดสุด เราก็คงไม่มีอะไรทำนอกจากตีกันเอง(ช่างเหมือนกับเหตุการณ์ใกล้ตัว เพียงแต่เรายังไม่ได้เจริญถึงขีดสุดนะ มาช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองดีกว่า)
สรุปแล้ว ถ้าถามว่าตอนดูสนุกไหม ก็สนุกดีนะ นับว่าเป็นหนังที่ใช้ได้ แต่ว่ามันเหมือนสารคดีเปรียบเทียบเหตุการณ์บนโลกมากไปหน่อย เราชอบหนังที่มันเวอร์ๆ มากกว่า (เวอร์ในที่นี้ไม่ใช่ว่าต้องยิงพลังใส่กัน หรือมีเขี้ยวงอก แต่ว่าพอดูแล้วรู้สึกว่าไอ้คนแบบเนี้ย มีในโลกด้วยเหรอ)
...........
เรื่องที่สอง ตอนนี้สอบติด Y-MBA จุฬา แล้วรู้สึกเวลาที่เหลือในชีวิตถูกเด็ดไป เพราะต้องเรียนวันเสาร์-อาทิตย์ (คิดอย่างนี้ไม่ดีใช่ไหม ต้องคิดว่าฉันอยากเรียน เรียนสนุกมาก ฉันจะต้องเรียนจบ)
ปกติเป็นคนชอบนอนเยอะ วันธรรมดานอนดึก ก็มานอนชดเชยเอาวันเสาร์อาทิตย์ พอเรียนเสาร์อาทิตย์ ก็อดนอนแล้ว T_T ช่วงนี้เป็นหวัดไม่รู้ว่าเกี่ยวกับที่นอนน้อยหรือเปล่า มีคนบอกว่าสักพักก็จะชินพอเลิกเรียนจะรู้สึกว่างๆ แต่เราไม่ค่อยเชื่อหรอก ตอนที่เรียนภาษาอังกฤษอยู่นาน พอเลิกเรียนรู้สึกลัลลามากๆ มีเวลาอ่านหนังสือ ดูหนังเพิ่มขึ้น(แต่ก็ยังไม่พอใช้อยู่ดี) เวลามีเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอเลยนะ
ช่วงนี้คนชวนไปไหนบางทีก็ไม่อยากไป ไม่ใช่ว่าไม่ว่างแต่อยากเอาเวลาว่างไปเป็นเวลาส่วนตัวบ้าง หนังสืออ่านไม่หมดเลยปีนี้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นหมด คิดว่าสัปดาห์หนังสือปีนี้จะงดซื้อหนังสือ เพราะไม่มีเวลาจะอ่าน
- ติดพร้อมกับเตื้อย ก็เลยมีเพื่อนเรียนด้วยกัน
- วันก่อน ITOne ได้ถูกตั้งชื่อใหม่เป็นบริษัท อิโตเน่เป็นที่เรียบร้อย (I-TO-NE) คนอ่านมันเห็นหน้าเราญี่ปุ่นหรือไงเนี่ย
- ได้ไปสัมมนามาด้วยถ้าว่างอาจจะมาเล่าให้ฟัง(ฝันไปเหอะ ไปญี่ปุ่นมาเป็นเดือนแล้วไม่เห็นเขียนอะไรสักแอะ) - -" แฮะๆ รู้ได้ไง
ปล. ตอนนี้นับวันรอวันหยุดนักขัตฤกษ์เลย...........อีก 23 วันจะถึงวันจักรี
...........
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นได้ไปดูละครเวที(ละครเพลง) Chicago มา
ซื้อตั๋วไว้ตั้งแต่ก่อนไปญี่ปุ่นแล้วเพราะว่าน้องสาวอยากดูมากถึงขนาดบอกว่าจะเอาแต๊ะเอียเลี้ยงพี่สาว เราก็ดูปฏิทินการสอบ สัมภาษณ์ ปฐมนิเทศ สัมมนา แล้วหลบวันเรียบร้อย(ทำเหมือนว่าติดแน่ๆ) สรุปว่าเขาดันเลื่อนวันปฐมนิเทศมาตรงกับวันที่ไปดู Chicago ซะนี่ (ฟ้าดินจะแกล้งหนูใช่ไหม)
ตอนนั้นต้องรีบซื้อเพราะว่าตั๋วมันลดราคาแค่ตอนนั้น แต่กลับมาสรุปว่ามันขยายเวลาลดราคาซะนี่ เซ็งเลย น่าจะรอประกาศผลก่อนแล้วค่อยซื้อนะ (เอาเหอะถือว่าจะได้ที่นั่งดีๆ)
ว่าแล้วเราก็เข้าไปเซ็นชื่อแล้วนั่งปฐมนิเทศสักชั่วโมงแล้วค่อยออกมา ซึ่งโดยความจริงแล้วได้ฟังแค่ 15 นาทีเพราะว่าเขาเริ่ม late ไปเยอะมากๆ แล้วเราก็ไปเที่ยวเล่น ปล่อยเตื้อยทำความรู้จักคนอื่นไป
คนที่แสดงเสียงดีมากๆ รู้สึกเหมือนกำลังฟังเสียงจากเทป(หรือซีดี)อยู่ เป็นละครที่สนุกดี นักแสดงเล่นกับคนดูค่อนข้างมาก มีการพูดว่าสวัสดีค่ะด้วย อย่างงๆ เป็นละครเพลงภาษาอังกฤษค่ะ แต่มีฉากที่เหมือนทักทายคนดูแล้วเขาทักทายคนดูเป็นภาษาไทย คงเป็นเพราะว่าเป็นละครแนวตลกด้วย
คนที่แสดงเป็นร็อกซี่เล่นได้น่ารักมากๆ ตัวละครร็อกซี่จะเป็นคนค่อนข้างเพ้อฝัน มีความเป็นเด็กอยู่ในตัวมาก แล้วก็ออกแนวแอ๊บแบ๊ว ซึ่งไม่ว่าตอนเต้นตอนพูด หรือทำอะไรก็ดูเธอจะทำท่าเป็นเด็กๆ ตลอด รู้สึกว่านางเอกไทยไม่ค่อยจะมีคนเล่นบทแบบนี้หรอก
ท่าเต้นก็ดีนะชอบ แต่ไม่ตื่นตามาก อาจจะเพราะว่าดูในหนังมาแล้วก็ได้
อีกอย่างที่รู้สึกดีมากๆกับ Chicago ก็คือ เห็นเลยว่าใช้ตัวแสดงน้อยมาก เห็นเลยว่าคนที่เต้นอยู่ข้างหลังเมื่อกี๊ออกรับอีกบทนึง เดี๋ยวก็ไปรับบทอื่นอีกแล้ว คือนอกจากตัวเอกหกเจ็ดคนแล้ว ที่เหลือก็วิ่งวนไปวนมาบนเวทีนั่นแหละ ความจริงละครเพลงไทยก็อาจจะใช้คนเดียวกันสับเปลี่ยนก็ได้นะ แต่ว่าเรื่องนี้พี่แกไม่ได้เปลี่ยนชุดน่ะสิ(คงถือว่าไอ้ชุดที่ใส่มันใช้ได้กับทุกสถานการณ์)
อีกเรื่อง(ทำไมอีกบ่อยจัง) เขาใช้ฉากได้ simple มากๆ สิ่งที่เห็นขยับได้มีแค่ 1)เก้าอี้ที่ยกไปยกมา(ความจริงเก้าอี้น่าจะนับเป็นแค่อุปกรณ์ไม่ถือเป็นฉากนะ) 2)เวทีตรงกลางของวงดนตรีที่เปิดให้คนเลื่อนขึ้นมาหรือวิ่งออกมาได้(เรื่องนี้เขาเอานักดนตรีมาแล้วทำ stand ให้นั่งบนเวทีเลยนะ) 3) บันไดลิงที่ติดอยู่กับด้านข้างของเวทีที่เปิดออกมากได้ มีแค่นี้จริงๆ พี่แกไม่เปลี่ยนฉากเลย ใช้อุปกรณ์ต่างๆที่หิ้วออกมา และการยิงไฟ ทำให้เรารู้สึกว่าฉากเปลี่ยนไปได้ แต่ก็อย่างว่าฉากมันอยู่ในคุกเกือบตลอด แต่ความจริงก็มีฉากนอกคุกนะ พูดไปพูดมาขัดกันเอง ช่างมันสรุปว่า ชอบมาก รู้สึกว่ายกไปเล่นกันที่ข้างถนน เขาก็ยังเล่นได้
ดูเรื่องนี้แล้วได้ความรู้สึกที่ว่า ละครเพลงที่ดีและสนุกไม่จำเป็นต้องอลังการเสมอไป