วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2557

ญี่ปุ่น...สองสามวัน... : วันที่. 23 : Go back home : Sun. 18/11/2012

          วันนี้เป็นวันพักผ่อนรอกลับบ้านค่ะ จึงไม่มีรูปอะไร เราตื่นนอนสายๆ อยู่บ้านรอกระเป๋า BouBou รุ่นที่ต้องสั่งผ่าน web เท่านั้น (ของที่หัวหน้าของน้องสาวฝากซื้อ ไม่ซื้อไม่ได้ เขาอุตส่าห์อนุมัติให้ลาให้มาเที่ยวตั้ง 23 วันติด) รอด้วยใจระทึกว่ามันจะมาส่งทันวันนี้จริงๆใช่ไหม (ก็จะต้องกลับไทยแล้วนี่) บลูซังบอกว่าไปรษณีย์ญี่ปุ่นถ้าเขามากดออดแล้วให้รีบไปตอบรับให้เขาเข้ามา ไม่งั้นเขาจะทิ้งจดหมายไว้ว่าเอาของมาส่งแล้วคุณไม่อยู่ แล้วชิ่งกลับไป (ก็คงเหมือนเมืองไทยแหละนะ) ซึ่ง web บอกว่าจะมาไม่เกินเที่ยง อีกไม่ถึง 5 นาทีเที่ยงก็มีเสียงออดดัง ช่างตรงเวลาเสียจริง

          ได้ของแล้วสบายใจเราก็มาจัดกระเป๋าให้เสร็จ โดยพยายามเอาพวกกล่องขนมของฝากที่น่าจะบุบได้ใส่กระเป๋าเดินทาง แล้วเอาเสื้อผ้าทั้งหลายออกมาใส่เป้ ซึ่งทั้งกระเป๋าและเป้จะถูก load เข้าใต้ท้องเครื่อง (ตั๋วที่ซื้อไปเขาให้ load ได้คนละ 2 ใบ) เพื่อให้เรามีมือ และที่ว่างพอจะซื้อขนมในสนามบินกลับไปเป็นของฝากและเอาไปกินเอง

          พอบ่ายแก่ๆ เราก็ออกจากบ้านตามประสาคนที่ชอบเผื่อเวลาไว้เยอะๆๆๆๆ บลูซังออกมาส่งเราและพาเราไปซื้อขนมให้เราเป็นครั้งสุดท้าย(รู้สึก trip นี้จะกินฟรีเยอะมาก) ได้มาการอง กับชีสเค้กมาอย่างละกล่อง ซึ่งเราได้ค้นพบตอนซื้อมาการองว่าการซื้อหลายๆชิ้นใส่กล่องนั้น.... มีค่ากล่องด้วย ตามประสาคนงกอย่างเราคงไม่เอากล่อง แต่ตามประสาหญิงไทยผู้ชื่นชอบความสวยงามอย่างบลูซัง เราก็เลยได้กล่องมาด้วย 555+ (พี่เขาบอกว่า เอาไปฝากแม่ เลยต้องสวย)

          เราอำลาบลูซังขึ้น Narita Express ไปที่สนามบิน ไม่รู้เพราะรางรถไฟ หรือเพราะคนขับ รถไฟขบวนนี้ทำเอาเมารถสุดๆ น้องสาวเมามากไปเลย ขนาดเราเป็นคนไม่ค่อยเมารถยังมึนๆ เลย แต่ในที่สุดก็มาถึงสนามบินแล้ว เราจัดการ check in และ load กระเป๋าเรียบร้อย ผ่านด่านออกจากญี่ปุ่น

          แน่นอนว่าก่อนกลับของแวะร้านขนมในสนามบินขนขนมกลับมากินก่อน มีขนมเยอะแยะมากมายหลายแบบ อยากกินไปหมดทุกอย่าง สรุปว่าซื้อมาฝากก็เยอะ แต่ซื้อมากินเองก็หลายเหมือนกัน จะซื้อเยอะกว่านี้ก็กลัวหิ้วไม่ไหวกัน ถึงแม้จะซื้อขนมเสร็จแล้วเราก็ยังเหลือเวลาอีกเยอะมาก นั่งรอนั่งหลับอยู่หน้า gate อยู่นาน เกิดอาการหิว ก็เลยเอาชีสเค้กของบลูซังออกมากิน ซึ่งมันอร่อยมาก ซาบซึ้งน้ำตาไหล TT ถ้าคราวหน้ามีโอกาสและไม่ลืม จะต้องไปหามากินอีก ส่วนมาการองได้เอากลับมากินที่บ้านก็อร่อยเหมือนกัน รสไม่หวานมากแต่เข้มข้นด้วยกลิ่นของรสนั้นๆ

ขนมที่ได้รับมาค่ะ ไม่รู้พิกัด ใครพบเจอลองซื้อทานกันได้




          และแล้วก็ได้เวลาเครื่องบินขึ้น ตอนเข้าไปก็งงๆ ว่าตำแหน่งที่นั่งไม่เหมือนที่จองไว้ ดูเหมือนว่าทางสายการบินจะเปลี่ยนเที่ยวบินนี้เป็นเครื่องลำใหญ่ขึ้น ซึ่งมีผู้โดยสารหลายคนขอแลกที่กันให้จ้าละหวั่น เพราะโดนจับแยกกันนั่ง ดีที่เราสองคนไม่โดนแยกกัน (ไม่รู้เพราะมา check-in เร็วหรือเปล่า) งานนี้เลยสบายได้ที่นั่งใหญ่นั่งสบายกว่าขามา ทั้งแอร์ไม่ทำหน้าดุเหมือนขามาด้วย

          เครื่องลงจอดที่ไทยประมาณ 5 ทุ่มครึ่งตรงตามเวลา แล้วเราก็ผ่าน ตม. กลับเข้ามาได้สบายๆ (แหมก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นะ) มาเจอกับป๊าและม้าที่รอรับอยู่ ก่อนจะกลับบ้านหลับเป็นตาย แล้วแหกตาไปทำงานในเช้าวันรุ่งขึ้น (เนื่องจากลาติดกันนานนนนนนนมากแล้ว ไม่กล้าลานอนอีกวันนึง)

          Trip ตามใจ Style สาว group AB ก็จบลงแต่เพียงเท่านี้....

สรุปวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายทั้งหมด



  • ค่าใช้จ่ายคิดเป็น Yen ต่อสองคนไม่รวมซื้อของ 449,692 Yen ถ้ารวมซื้อของ 511,912

  • ค่าตั๋วเครื่องบิน ~ 18,000 บาท + ค่าเปลี่ยนตั๋ว 1,000 บาท ต่อคน

  • ค่าใช้จ่ายในญี่ปุ่น (สองคน) ~ 450,000 Yen ตอนที่ไป rate ประมาณ 37 บาทต่อ 100 เยน คิดเป็น 166,500 บาท

  • รวมตั๋วเครื่องบินเข้าไปสรุปว่าเกินงบ 1 แสนมานิดๆ (เพราะดันไปเพิ่มวันทีหลัง) หรือถ้าคิดเป็นวันใช้เงินไปประมาณ 4,500 บาทต่อคนต่อวัน

  • หลังจากกลับมาค่าเงินเยนก็อ่อนลงเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับบาท T_T ถ้าคิดด้วย rate ตอนนี้ค่าใช้จ่ายคงเหลือแค่ 9 หมื่นบาทต่อคน


ลองเทียบค่าใช้จ่ายกับที่ประเมินไว้ ต่อคน จากตอนแรก 14 วัน (โดยประมาณปัดๆ เศษเอา)


ตั๋วเครื่องบิน          ประเมินไว้       20,000    บาท    ใช้จริง     19,000    บาท

ค่าที่พัก               ประเมินไว้       52,000    เยน     ใช้จริง     34,000    เยน

ค่าอาหาร             ประเมินไว้       42,000    เยน     ใช้จริง     52,000    เยน

ค่าเดินทาง           ประเมินไว้       45,000    เยน     ใช้จริง     59,000    เยน

ค่าเข้าสวนสนุก     ประเมินไว้       22,000    เยน     ใช้จริง     34,000    เยน

เรียวกัง               ประเมินไว้       15,000    เยน     ใช้จริง     14,000    เยน

ของฝาก             ประเมินไว้        10,000    เยน     ใช้จริง     30,000    เยน

จิปาถะ               ประเมินไว้        21,000    เยน     ใช้จริง     23,000    เยน




  • ค่าที่พักแม้จะวันเพิ่ม แต่ค่าใช้จ่ายน้อยลงเพราะมีที่พักฟรีเป็นบางวัน (ต้องจ่ายค่าที่พัก 11 คืน ไม่รวมวันที่นอนเรียวกัง) ซึ่งถ้าเทียบอัตราส่วนแล้วก็ถูกกว่าที่คิดไว้อยู่พอสมควร

  • ค่าอาหารแพงกว่าที่คิดไว้พอสมควร เพราะกินอาหารแพงๆ เช่น ปู เนื้อย่าง ซูชิ ไปหลายมื้อ

  • ค่าเดินทางแพงขึ้นจากวันเที่ยวที่เพิ่มขึ้น และเป็นค่าใช้จ่ายที่แพงที่สุด หากวางแผนเที่ยวในบริเวณเดียวกันได้ก็จะประหยัดไปได้อีกมาก (Trip ของยู้เล่นไปตั้งแต่ Sendai ถึง Nagasaki)

  • Trip นี้เสียค่าเข้าสวนสนุกต่างๆ Disneyland, Huis Ten Bosh, Edo wonderland, งาน One Piece ค่อนข้างเยอะ (ดีนะที่ไม่มี Fuji-Q อีก) และค่าใช้จ่ายเพิ่มจากที่ประเมินไว้เพราะเปลี่ยนแผนจาก Disney ติดกัน 4 วันเป็น 2 วัน 2 รอบ และเพิ่ม edo wonderland กับงาน one piece มาอีก ถ้าใครไม่ชอบเที่ยวสวนสนุกพวกนี้หรือเที่ยวน้อยวันกว่านี้ค่าใช้จ่ายก็จะลดลงอีก

  • เรียวกังถ้าตัดออกไปประหยัดได้อีกหลายพัน

  • ซื้อของฝากไปเยอะกว่าที่คิดไว้ตอนแรกประมาณสามเท่า ที่เห็นนี่คือรวมทั้งซื้อฝากคนอื่น และซื้อกับมาฝากที่บ้าน(ฝากพ่อแม่และกินเอง) ตอนซื้อก็ไม่ได้คิดถึงงบที่ตั้งไว้ ใครที่คิดว่าไม่จำเป็นต้องฝากใครส่วนนี้คงลดไปได้ แต่ถ้าใครญาติเยอะระวังค่าใช้จ่ายส่วนนี้ไว้ด้วย

  • หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆ ไม่มากก็น้อยนะคะ

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

ญี่ปุ่น...สองสามวัน... : วันที่. 22 : Mitake : Sat. 17/11/2012

          สถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของเราคือมิตาเกะ ซึ่งเพิ่มเข้ามาทีหลังจากที่ปรับเพิ่มแผนไปแล้ว และเราไม่ได้ดูอะไรมามาก เพราะกะว่าจะให้เจ้าถิ่นชาวญี่ปุ่นพาไป(เซนเซย์นั่นเอง) วันนี้เราตื่นเช้าขึ้นมาทานอาหารที่เซนเซย์ทำให้ทาน รวมกับของบางอย่างที่ซื้อมาเมื่อวานเย็น เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วก็ออกเดินทางขึ้นรถไฟไปมิตาเกะ

          เมื่อถึงสถานีแล้วก็ต้องนั่งรถเมล์ต่อไปอีก โดยบนรถเมล์ใช้บัตร suica ได้ค่ะ พอมาถึงปลายทางแล้วก็ต้องซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าไปด้านบนเขาอีกต่อหนึ่ง โดยมีที่ซื้อตั๋วอัตโนมัติอยู่ ถ้าใครมีแบงค์ใหญ่ ก็ต้องไปแลกกับเครื่องแลกก่อน ปรากฏว่าเราใส่แบงค์หมื่นเยนเข้าไปแล้วมันติดค่ะ กินแบงค์เข้าไปเฉย แล้วไม่คายอะไรออกมาเลย ระหว่างที่ยืนอึ้งอยู่เซนเซย์ก็เข้ามาถามว่ามีอะไรและไปบอกเจ้าหน้าที่ให้ วันนี้เราก็เลยรอดการใช้ภาษามือไปอีกวันนึง ฮ่าๆ

          นั่งกระเช้าขึ้นไปด้านบนแล้วก็จะพบจุดชมวิว และเราสามารถนั่งกระเช้าเล็กๆ ขึ้นไปอีกต่อหนึ่ง เป็นกระเช้าที่หน้าตาเหมือนชิงช้าที่นั่งขึ้นเขาตอนเล่นสกี แต่ว่าเตี้ยมากๆ ขาแทบจะถึงพื้นเลยค่ะ ถ้าใครไม่อยากขึ้นกระเช้าอันนี้ก็เดินขึ้นไปก็ได้ตามสะดวกจ้า เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนแล้วก็ได้เวลาเดินๆๆๆๆ ขึ้นไปตามทางชันๆ เพื่อขึ้นไปยังศาลเจ้าด้านบน ซึ่งเราก็มีเพื่อนร่วมทางทั้งวัยรุ่น และวัยกลางคนเต็มไปหมดเลยค่ะ



Mitake วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟมาที่สถานี JR Ome แล้วต่อรถจนมาถึงสถานี Mitake แล้วต่อรถเมล์ไปต่อ cable car อีกที


ก่อนขึ้น Ropeway เจอแปะก๊วยต้นใหญ่


วิวจากด้านบน


นั่งกระเช้าต่อไปอีก 1 ชั้น


แผนที่มิตาเกะ


ระหว่างขึ้นไปศาลเจ้าก็มีใบไม้แดงให้ชม


เข้าสู่ทางชัน


เอาฮึบปีนหน่อย


          ระหว่างทางนั้นก็มีใบไม้แดงสวยๆให้ชมกัน และมีบ้าน มี Hostel อยู่บนนี้ด้วยนะคะ สงสัยจังว่าคนที่อาศัยบนนี้นี่ลำบากไหมนะ ต้องมาขึ้นๆลงๆเขา ขึ้นมาถึงศาลเจ้าด้านบนแล้ว หลังจากไหว้ศาลเจ้า ก็ชักภาพ พักเหนื่อย และเข้าห้องน้ำกันเล็กน้อย แล้วก็กลับลงมาแต่คราวนี้เราใช้วิธีเดินลงแทนการขึ้นกระเช้าเล็กค่ะ จะได้ดูธรรมชาติสองข้างทางด้วย (เซนเซย์บอกว่ามีป้ายระวังหมีติดอยู่ตามทางด้วย เคยมีคนเห็นหมีออกมาแถวนี้) ถ้าใครขึ้นมาบนศาลเจ้าแล้วยังไม่สะใจข้างบนสามารถเดินต่อไปยังน้ำตกได้อีกนะคะ(ไม่รู้ว่าไกลหรือไม่อย่างไร) แต่ทริปนี้เราไม่ได้ไปต่อเนื่องจากดูท่าทางเซนเซย์จะเดินไม่ไหวแล้ว ตอนนั่งรถกลับฝนก็ตกปรอยๆ ลงมา ท่าทางดวงเรากับเซนเซย์จะถูกกับพระพิรุณนะเนี่ย หลังจากนั่งรถไฟกลับมาแล้ว เราก็ไปทานอาหารเที่ยง(ราเมง) กับเซนเซย์อีกหนึ่งมื้อ ก่อนจะขออำลากลับไปหาบลูซัง

รู้สึกชอบบ้านเรือนแถวนี้อย่างบอกไม่ถูก สงสัยว่าตอนสร้างเขาทำยังไงกันนะ


เหมือนจะถึงแล้วแต่แค่ปากทางค่ะ ข้างในมีบันไดต่อไปอีก


ใครเหนื่อยก็นั่งพักก่อนได้


หันกลับไปดูทางที่ปีนขึ้นมา


ตรงขั้นบันไดมีอะไรอยู่ด้วยน่ะ


ถึงจริงๆ แล้ว Musashi-Mitake Shrine


ด้านล่างเป็นที่เก็บชุดเกราะ (ถ้าเข้าใจไม่ผิดนะ)


อีกมุมหนึ่งของศาลเจ้า


ขาลงเดินกลับชิวๆ (แต่แค่ต่อเดียวนะ ไม่ได้ลงไปถึงข้างล่าง)


บ้านเมืองซ่อนอยู่ตามเขา


เจอโทริอินี้ก่อนจะไปถึงสถานีเพื่อนั่งรถกระเช้าลงไปด้านล่าง


วิวแม่น้ำ ถ่ายจากสะพานแถวสถานีรถไฟ


อีกด้านนึง


อาหารเที่ยงวันนี้ง่ายๆ กินราเมงแล้วกัน


          จนตอนนี้ก็ยังสงสัยอยู่ว่าตรงไหนของมิตาเกะที่เขาชอบไปเที่ยวและถ่ายรูปกัน ตรงที่เป็นแม่น้ำข้างๆ สถานีรถไฟ หรือว่าจะต้องเดินบุกเข้าไปถึงน้ำตกกันนะ

          กลับมาถึงที่พัก วันนี้บลูซังพาออกไป Shopping ของฝาก คือ ปากกาที่ลบได้ และพาไปดองกิโฮเต้ เพื่อซื้อขนมของฝากกลับไทย ก่อนจะพาไปกินเนื้อย่างกันที่ร้าน jojoen (เป็นร้านที่ดูหรู ชนิดที่ให้มาเองคงไม่กล้าเดินเข้ามา ที่สำคัญคือ ไฟแรงมาก พลิกเนื้อแทบไม่ทัน เผลอเหม่อเผลอเม้าท์เป็นไหม้ ฮา)

ร้านนี้มีหลายสาขา ซื่งคนค่อนข้างเยอะก่อนมาจองสักหน่อยก็จะดี http://www.jojoen.co.jp/

อาหารมาแล้วเตรียมย่าง


ลิ้นวัว >///<


เนื้อลายหินอ่อน


ของหวาน ร้านแถมให้ค่ะ


สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้(รวม 2 คน)


  • Coin Locker >>> 600 Yen
  • รถเมล์(ส่วนทีเกินจากในบัตร) >>> 970 Yen
  • Ropeway >>> 2,380 Yen
  • อาหารเที่ยง >>> 2,000 Yen
  • ขนม & อื่นๆ จิปาถะ ระหว่างวัน >>> 370 Yen
  • ของฝาก >>> 6,230 Yen


ค่าใช้จ่ายไม่รวม Shoppingรวม Shopping
วันนี้6,32012,550
รวม449,692511,912

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2557

ญี่ปุ่น...สองสามวัน... : วันที่. 21 : Sendai [One Piece Grand Arena Tour]: Fri.16/11/2012

          วันนี้รายการเที่ยวเป็นสิ่งที่ทำให้แผนเรางอก ต้องเสียเงินใหักับสายการบินเปลี่ยนวันกลับไทยเลยทีเดียว แต่ก็รู้สึกคุ้มที่ได้อยู่ดูงานนี้ One Piece Grand Arena Tour

          เช้านี้เราต้องขึ้นชิงคันเซนเที่ยวเกือบๆ 7 โมงเพื่อไปเซนได พอ check out เสร็จก็เลยต้องรีบวิ่งไปที่สถานีกันล่ะ น้องสาววิ่งนำลิ่วๆ ไปพร้อมกับหันมามองว่าพี่สาวตามมาทันหรือเปล่า ก็ขามันเริ่มล้า สงสัยเที่ยวหลายวัน+กระเป๋าหนัก แต่ในที่สุดเราสองคนก็กระโดดขึ้นรถไฟทันพอดี

          ความจริงที่ Toyoko Inn มีอาหารเช้าให้ ตอนแรกคิดว่าไหนๆ ก็มีอาหารเช้าแถมให้ก็อยากลองกินข้าวเช้าที่นี่ ห้องอาหารเปิด 7 โมงเช้า กะว่าลงมาตอนห้องอาหารเปิดพอดี และรีบกินรีบไป แต่ตอนที่มา check out ก็เห็นคนต่อคิวรอกินเพียบเลย เรามีทางเลือกว่าจะไปรถไฟรอบเช้าสุด แล้วไปหาอะไรกินดาบหน้า หรือว่าจะรอกินข้าวแล้วไปรถไฟรอบ 7:18 ซึ่งรถไฟรอบนี้จะเป็นขบวนที่วิ่งช้ากว่า ทำให้ไปถึงเซนไดช้ากว่ารอบแรก 45 นาที สรุปว่าเราเลือกรอบแรกค่ะ เพราะอยากไปถึงงานเร็วๆ

          มาถึงสถานีเซนไดแล้วก็เลยขอแวะหาอะไรกินก่อน ไม่รู้ว่าไปถึงที่จัดงานแล้วจะมีอะไรกินหรือเปล่า เดินๆ ไปก็เจอร้านโซบะ/ราเมงแบบ fast food อยู่ร้านนึง เป็นแบบหยอดเหรียญแล้วกดปุ่มหน้าร้าน ก็เลยเข้าไปกินค่ะ ร้านจะเป็นแบบยืนกิน สำหรับให้กินไวไปไว แทบไม่มีเก้าอี้เลย มีแต่เคาท์เตอร์ให้ยืนกิน เราเข้าไปเป็นลูกค้าคนแรกๆ ของร้าน ก็จับจองโต๊ะเก้าอี้ที่มีอยู่น้อยนิดซะ

          วันนี้เอาอีกแล้ว สั่งโซบะที่ในรูปเห็นด้านข้างมีของทอดจานนึง ปรากฏว่าจานนั้นเป็น...ข้าวหน้าของทอด!!! ไม่ยอมจำสักทีว่าคนญี่ปุ่นกินราเมง พร้อมข้าวได้ ตอนเอาตั๋วไปส่งให้คุณป้าที่ทำอาหารก็พูดญี่ปุ่นอะไรสักอย่างกลับมา *@#$% ดีนะที่น้องสาวฟังออก คุณป้าบอกประมาณว่าถ้าอันนี้ต้องรอหน่อยนะ ก็เลยบอกว่า OK ไม่เป็นไรหรอกค่าาา ถ้าไม่โอเคแล้วจะทำยังไงหว่า สงสัยคงต้องคุยภาษาใบ้กันยาว เผลอๆ ยาวกว่าเวลารออาหารอีก แต่ความจริงรอแป๊บเดียวอาหารก็มา(ที่เขาถามคงเป็นเพราะร้านเป็นอาหารแบบจานด่วน ถ้าให้รอเดี๋ยวลูกค้าจะว่าเอา) อาหารทำเสร็จใหม่ๆ ร้อนๆ อร่อยเชียวล่ะ อยู่ที่นี่กินร้านไหนก็อร่อย(ยกเว้นอุด้งวันนั้น T_T)

ภายในร้าน


          กินกันอิ่มหนำแล้วเราก็ขึ้นรถไฟต่อไปยังสถานี Nokanosake สถานีที่ใกล้สถานที่จัดงานที่สุด ความจริงมีพวกรถบัสไปถึงใกล้ๆ เลยนะ แต่ว่าไม่รู้ว่ามีรอบกี่โมงอย่างไรบ้าง นั่งรถไฟไปลงแล้วเดินไปนี่แหละน่าจะหลงน้อยสุด ตอนลงไปถึงสถานีก็พบว่ามีรถไฟขบวนหนึ่งจอดอยู่แล้ว ซึ่งดูๆ ก็น่าจะไปทางเดียวกันนี่นา ทำไมตอนเปิด Hyperdia ไม่เห็นมันแนะนำขบวนนี้ ว่าแล้วก็ขึ้นรถขบวนนั้นไปเลย(อยู่มานานเริ่มเปรี้ยวไม่กลัวหลง) นั่งไปเรื่อยๆ คนก็เริ่มลงไปเรื่อยๆ เราก็สังเกตว่ารถไปวิ่งมาตามสถานีเหมือนกับที่เราจะมา จนถึงสถานีนึงพอรถไฟจอด พนักงานก็เดินมาบอกเราว่า นี่สุดสายแล้วนะ ลงไปได้แล้ว(พนักงานคงรู้สึกว่าสองคนนี้มันไม่ยอมลงไปสักที) มิน่าล่ะ สรุปว่ารถไฟขบวนนี้มาทางเดียวกันแต่ไปไม่ถึง Nokanosake ค่ะ เราก็เลยต้องลงมาที่ชานชลา เพื่อรอรถไฟขบวนถัดไป ซึ่งความจริงเป็นขบวนเดียวกับที่ตอนแรกเราตั้งใจจะขึ้นนั่นแหละ

          แอบเล็งบนขบวนเห็นเด็กวัยรุ่นอยู่นิดหน่อย น่าจะไปที่เดียวกันหรือเปล่านะ พอถึงปลายทางก็เห็นบางแก๊งค์เดินไปทางเดียวกันเหมือนกัน เราก็กางแผนที่&ดูป้าย&แอบดูว่าคนอื่นเขาเดินไปทางไหนกัน ในที่สุดก็เดินมาถึงที่จัดงาน One Piece Grand Arena Tour ได้โดยไม่หลงทาง ตอนไปถึงคนเข้าคิวกันยาวแล้วค่ะ เราก็เลยไปเข้าคิวกับเขาบ้าง ไม่นานก็ได้เข้าไปด้านใน



งานนี้จะมีแบบซื้อตั๋วล่วงหน้ากับซื้อหน้างาน ถ้าซื้อตั๋วล่วงหน้าจะถูกกว่า ซึ่งต้องไปซื้อที่ 7-11 มหากาพย์การไปซื้อตั๋วนั้นเริ่มจาก ตอนแรกเรานึกว่าเหมือนเมืองไทยคือไปบอกที่แคชเชียร์ แล้วเขาจะจัดการให้ แต่ไม่ง่ายอย่างนั้น ที่ญี่ปุ่นมีนวัตกรรมไฮเทค เครื่องถ่ายเอกสารซึ่งใช้จองตั๋วได้ด้วย แต่แน่นอนว่าเมนูเป็นภาษาญี่ปุ่นล้วน จากการมั่ววันแรก ไม่สำเร็จ จึงต้องล่าถอยไปหาวิธีซื้อจากกูเกิล มาครั้งที่สองค่อยมั่วได้สำเร็จ ซึ่งต้องใส่ทั้งชื่อภาษาญี่ปุ่น(เราใส่เป็นคาตากานะไป) ทั้งเบอร์โทรญี่ปุ่น ดีนะที่มีเบอร์ของบลูซังอยู่ พอกดสั่งซื้อเรียบร้อย เครื่องก็จะพิมพ์ออกมาเป็นกระดาษ แล้วให้ไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ ถ้าใครอ่านญี่ปุ่นไม่ออกคิดว่าเรียกพนักงานมาช่วยคงจะได้ค่ะ แต่ไม่รู้ตอนใส่ชื่อ/เบอร์โทรจะทำยังไงนะ



มาถึงคนก็ต่อคิวกันยาว แล้ว


พอประตูเปิด แถวเริ่มขยับ ด้านในจะโต๊ะโชว์ว่ามีของที่ระลึกอะไรบ้างให้ซื้อตอนออก


          เข้ามาถึงแล้วฟินมากกกกกกกก สำหรับแฟน One Piece ด้านในจะแบ่งเป็นโซนๆ ซึ่งเมื่อเราผ่านไปแล้วห้ามเดินกลับค่ะ เดินหน้าได้ทางเดียว เข้าไปถึงจะเจอจุดเริ่มต้นของการเดินทาง คือตอนที่แชงคูสมอบหมวกฟางให้ลูฟี่ >///< และตามมาด้วยฉากต่างๆ ตามลำดับเนื้อเรื่อง ฉากตอนที่โซโล, อุซป, ซันจิ, นามิเข้ามาเป็นลูกเรือ อ้อ พวกเจ้าหน้าที่จะใส่เสื้อยืด One Piece พร้อมหมวกฟาง เงยหน้าขึ้นไปบางทีจะเห็นตามเสาหรือกำแพงมีตัวอะไรจากในเรื่องเกาะอยู่ และป้ายทางหนีไฟยังเป็นคนใส่หมวกฟางด้วย

เข้ามาถึงก็เจอจุดเริ่มต้นของเรื่อง ตอนที่แชงคูสมอบหมวกฟางให้ลูฟี่


One Piece Grand Arena Tour


โซโล


แมรี่


เริ่มเรื่องด้วยการไปเจอลูกเรือแต่ละคน เริ่มจากโซโล


อุซป


แล้วก็มาเจอกับมิฮอว์ค



พนักงานหนุ่มแว่น ใส่หมวกฟางด้วย



คำสั่งจากทหารเรือ ส่วนนี้เข้าได้เฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้นนะ


ซันจิ


นามิ


ป้ายทางหนีไฟยังใส่หมวกฟางเลย


          เมื่อจบโซนหนึ่งๆ จะมีฉากกั้นไว้เหมือนกำลังเข้าสู่อีกภาคหนึ่ง เช่น พอโซนแรกจบจะมีฉากตอนที่เข้าแกรนด์ไลน์กั้น ซึ่งถ้าข้ามฉากอันนั้นมาแล้วจะเห็นว่าอีกด้านมีป้ายบอกว่าห้ามย้อนกลับนะจ๊ะ เราเดินผ่านช่วงแรกของแกรนด์ไลน์ มาเจอชอปเปอร์ และเข้าสู่โซนอลาบาสต้า พบกับเหล่าสัตว์แปลกๆ และ No. ต่างๆ สู้กับครอคโคไดล์ แล้วใช้น็อคอัพสตรีมขึ้นสู่เกาะแห่งท้องฟ้า เจอลุงหัวเกาลัด เซาท์เบิร์ด ปราบก็อดเอเนลู แล้วกลับสู่ทะเลเบื้องล่างด้วยเจ้าปลาหมึก มาเจอแฟรงกี้ ช่วยโรบิน และลาจากแมรี่ (โมเดลตอนแมรี่พังนี่สมจริงมากจนน่าเศร้า) หลังจากนั้นก็มาเจอบรู๊คสมาชิกล่าสุดของกลุ่ม กับเหล่าซอมบี้ และโฮโลโฮโล่

แล้วก็เข้าสู่แกรนด์ไลน์


เข้ามาเจอลาบูนก่อนเลย


แต่ละจุดจะมีป้ายแบบนี้ติดอยู่ เป็นข้อมูลตัวละคร


เริ่มเข้าเหตุการณ์ที่อาลาบาสต้า


เจอ Miss Goldenweek


ระวัง Color trap ของมิสโกลเด้นวีคด้วยนะ


เผ่าคนยักษ์มาแค่หมวก


แต่มาครบคู่เลยนะ


เจอช็อปเปอร์ กับเหล่ากระต่ายหิมะ


โทรมเชียวนะ


บาร์กี้


Arabasta Museum


แสดงชุดของตัวละครต่างๆ Miss Doublefinger


Mr. 1


แล้วก็มีป้ายชื่อของสัตว์ต่างๆ ด้วย


Kang fu dugong


Miss Allsunday (โรบินนั่นเอง)


Mr. 0 (Crocodile) มีซิการ์ลอยอยู่ด้วย


ของต่างๆ จากในเรื่อง


Mr. 2


ด้านบนมีแขวนภาพเหตุการณ์เต็มไปหมด


ค้อน 5 Ton ของอุซป


Lufy Vs Mr.0


ฉากตอนจบภาคอันแสนซาบซึ้ง


เข้าสู่เกาะแห่งท้องฟ้า


พอผ่านโซนนึงจะมีป้ายบอกว่าห้ามย้อนไปแล้วนะจ๊ะ


เจอหัวเกาลัดของลุงมองบลัง


บ้านหลังใหญ่ของลุง


แต่เป็นแค่ฉากนะจ๊ะ ของจริงหลังเล็กอยู่ด้านนี้


South bird ถ้าจับหัวมันหันไปทางอื่นแล้วมันก็จะเด้งกลับมาทางเดิมด้วย


เปิดตัวเดอฟลามิงโก้


เกาะแห่งท้องฟ้า


ฉากต่อสู้กับ ก็อดเอเนลู


ร่ำลาเกาะแห่งท้องฟ้าด้วยน้องปลาหมึกลอยได้


เข้าสู่ Water 7


เจอ Franky แล้ว


การต่อสู้เพื่อโรบิน


เหล่า CP9


ลาก่อนแมรี่ T_T


USOPP FACTORY


อ้าว เจอบรูคตัวเบ้อเริ่มอยู่ด้านบน เข้าสู่ Thriller Bark


อีกด้านเป็นโมเรีย


อ็อซ และเหล่าซอมบี้


โฮโล โฮโล น่าร๊ากกกกก


          เข้าสู่ฉากที่เจอบาโซโลมิวคุมะ ซัดกระเด็นไปคนละทิศละทาง แล้วลูฟี่ก็ไปเจอแฮนด์ค็อก และเข้าสู่อิมเพลดาวน์ และตามมาด้วยฉากสงครามที่นำไปสู่ความตายของเอส และหนวดขาว มีภาพย้อนอดีตตอนเด็กๆ และภาพความเสียใจของลูฟี่สักหน่อย ก่อนจะเข้าสู่ฉากของเกาะเงือก เจอเจ้าหญิงชิราโฮชิ หลังจากนั้นก็เป็นภาพ Design ของตัวละครในปัจจุบัน ก่อนจะออกมาเจอกลุ่มหมวกฟางทุกคนพร้อมซันนี่คอยอำลาอยู่

เข้าสู่เกาะชาบอนดี้ เจอโจรสลัดเก่งๆ หลายคนเลย


เห็นรอยนี้ สงสัยว่าคุมะซังอยู่ใกล้ๆ นี้หรือเปล่า


เจอตัวบาโซโลมิว คุมะแล้ว ตัวใหญ่มาก


เกาะโมโมอิโระ ที่ซันจิไปโผล่ และได้อยู่ฝึกในช่วง 2 ปีด้วย (และมีภาพของอีกหลายเกาะเลย)


โบอา แฮนค็อก


ลูฟี่ไปติดอยู่ที่เกาะอามาซอน ลิลี่


ชุดของแฮนค็อก


อีกชุดนึง


เข้าสู่อิมเพลดาวน์


ท่านพัสดี ตรงหน้าต้างนั่นเปิดปิดได้ด้วยนะ


คุกทั้ง 7 ชั้น


เข้าสู่ช่วงสงครามที่มารีนฟอร์ด เจอกลุ่มหนวดดำก่อนเลย


กลุ่มทหารเรือ กำลังคุมตัวเอสมาประหาร


ปะทะกลุ่มหนวดขาว และโจรสลัดที่จะมาช่วยเหลือ


ย้อนอดีตกับลูฟี่ เอส และ ซาโบ


ภาคย้อนอดีต ทำเอาเสียน้ำตาอีกละ


หลังจากเหตุการณ์ลูฟี่ก็ส่งสัญญาณว่าให้มาเจอกันอีกครั้งใน 2 ปี


หลังจากสองปี ทุกคนกลับมารวมตัวกัน


เข้าสู่ภาคเกาะเงือก


เจ้าหญิงชิราโฮชิ ขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับลูฟี่


เหตุการณ์ในเกาะเงือก พื้นจะเป็นสีฟ้าให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในน้ำ


หลังจากนั้นเป็นภาพตัวละครต่างๆ กลุ่มหมวกฟางยืนเทียบความสูงกัน


สุดท้ายก็เป็นเหล่าลูกเรือ และซันนี่มาส่งทุกท่าน


อ้าว!! หันมายังเหลืออีกนี่ มีหุ่นยนต์ของแฟรงกี้ด้วย(หมดจริงแล้วจ้า)


          แน่นอนว่าท้ายสุดก็เป็นโซนขายของที่ระลึก และเล่นเกม มีกาจาปอง หลายรูปแบบให้ไขดู มีเกม Lucky bag ให้ตกถุงสมบัติ ถุงละ 1,000 เยน แล้วมาลุ้นเอาเองว่าข้างในถุงมีอะไรบ้าง ข้างในก็มีของหลายแบบ รวมๆกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า ที่ใส่มือถือ หรือกาจาปอง มีโมเดล One Piece แบบต่างๆ มาแสดงให้ดูให้อยากได้ด้วย และในที่สุดวันนี้ก็พ่ายแพ้กับกิเลส สอยโมเดลซันนี่กลับบ้านไปจนได้ ตอนแรกว่าจะซื้อเสื้ออีกตัวแต่รู้สึกว่าแพงก็เลยไม่ได้ซื้อ ยังเสียดายเล็กๆ อยู่จนวันนี้

ซุ้มให้ถ่ายรูปแล้วใส่ลงใน Poster WANTED


ตัวอย่างโมเดล One Piece หลากหลายแบบ


ฝั่งนี้แบบตัวเล็กๆ มีเยอะมากจริงๆ


เรือของโจรสลัดกลุ่มต่างๆ


มีให้ตกถุงด้วย คล้ายๆ สอยดาว ถุงละ 1,000 เยน จัดไปคนละถุง


ได้ถุงแบบนี้มา ข้างในจะเป็นของเกี่ยวกับ One Piece ขึ้นอยู่กับโชคว่าจะได้อะไรไปบ้าง


          เราออกจากงานมาตอนประมาณเที่ยงครึ่ง พาความหิวโหยมาแวะทานข้าวกับลิ้นวัวย่าง ของดีเมืองเซนได ที่ร้าน Rikyu (ร้านตั้งอยู่ชั้น 3 สถานีเซนได) แล้วก็นั่งรถกลับมาโตเกียวมาเจอเซนเซย์ที่รอรับอยู่ที่สถานีโตเกียว เซนเซย์พาไปซื้อของก่อนที่จะพากลับบ้าน และทำสุกี้แบบญี่ปุ่นให้กิน นอกจากนั้นยังมีซูชิ และเค้ก ที่ซื้อมาด้วย กินไม่หมดกันเลยทีเดียว วันนี้เรานอนค้างที่บ้านเซนเซย์ เพื่อที่วันรุ่งขึ้นจะไปเที่ยวมิตาเกะกัน

ข้าวหน้าลิ้นวัว(กิวตัง) ที่ร้าน Rikyu



สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้(รวม 2 คน)



  • Coin Locker >>> 300 Yen

  • อาหารเช้า >>> 780 Yen

  • Rikyu (อาหารเที่ยง) >>> 3,150 Yen

  • ซื้อ model sunny >>> 3,990 Yen

  • เกมตกถุง One Piece x 2 >>> 2,000 Yen

  • ไขกาจาปอง >>> 400 Yen

ค่าใช้จ่ายไม่รวม Shoppingรวม Shopping
วันนี้4,23010,620
รวม443,372499,362