วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2557

ญี่ปุ่น...สองสามวัน... : วันที่. 13 : Takayama : Thu. 08/11/2012

          วันนี้แผนคือเที่ยวในเมือง Takayama แล้วกลับโตเกียว เราตื่นแต่เช้าและเดินไปเที่ยวเล่นตลาดเช้ากันก่อน ฝนตกลงมาปรอยๆ ทำให้อากาศค่อนข้างหนาว คราวที่แล้วที่มาเมืองนี้ก็ฝนตกเหมือนกัน สงสัยจะดวงสมพงษ์กับฝนที่เมืองนี้ เดินเล่นๆ ชมพืชผักและของฝาก แต่ไม่ซื้ออะไรอีกตามเคย ระหว่างทางเดินกลับโรงแรมเห็นเขาขายลูกพลับราคาไม่แพงเลยสอยมาหนึ่งลูก ดูแล้วยังแข็งอยู่เก็บไว้รอมันนิ่มสักหน่อยแล้วค่อยกินแล้วกันนะ เดินเล่นขำๆ สักพักเราก็กลับมาโรงแรมเพื่อ check out และฝากกระเป๋าไว้ที่โรงแรมก่อน



Takayama วิธีเดินทาง : จากสถานี Nagoya นั่ง JR LTD. EXP (WIDE VIEW) HIDA มาลงสถานี TAKAYAMA


เดินมาข้างแม่น้ำชมวิวยามเช้า และเดินเที่ยวตลาด


แอปเปิ้ลลูกโตๆ


ผักก็มีนะจ๊ะ


ของฝากของที่ระลึก


เมืองดูคนเยอะขึ้นกว่าคราวที่แล้วที่มา แต่ตอนเช้าๆ ยังดูเงียบสงบ


เจ้าลิง Sarubobo สัญลักษณ์ของเมืองนี้


          ที่แรกที่ยู้วางแผนจะไปในวันนี้คือ Hida-no-sato เป็นนหมู่บ้านจำลองที่สร้างขึ้นเลียนแบบหมู่บ้าน shirakawa-ko ความจริงไม่ได้ตั้งใจจะไปดูหมู่บ้านเท่าไหร่หรอก ตั้งใจไปดูใบไม้แดงมากกว่า เราไปซื้อตั๋วรถไป-กลับ พร้อมค่าเข้าเป็น package 900 เยน เข้าไปถึงก็เห็นใบไม้กำลังแดงสวยตั้งแต่ตรงลานจอดรถเลยค่ะ ภายในจะมีการจำลองบ้าน และวิถีชีวิตแบบเก่าๆให้เราดู เช่น บ้าน โรงเก็บไม้ นาข้าว โรงสี และมีของเล่นญี่ปุ่นสมัยก่อนให้เราลองเล่นดูด้วย(เป็นพวกลูกข่าง หรือเดินบนไม้ไผ่ ความจริงก็คล้ายๆ บ้านเรานะ)

           ใครอยากถ่ายภาพเป็นที่ระลึกก็มีบริการเหมือนที่อื่นๆ นะคะ ตอนเราไปถึงเขากำลังจะตั้ง เห็นมีป้ายอยู่ก็เข้าไปถ่ายรูปด้วยกล้องตัวเอง เพิ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นบริการถ่ายภาพใส่กรอบ(ไปแอบถ่ายฟรีซะแล้ว) กว่าจะดูจนทั่วก็เที่ยงพอดี ท้องร้องจ็อกๆๆๆ เราจึงออกมารอรถขากลับ ซึ่งตรงที่รอรถก็มีร้านขายของฝากให้ shopping กันค่ะ เราได้ขนมติดมือมานิดหน่อย ก่อนที่รถจะมา



Hida-no-sato วิธีเดินทาง : นั่งรถ bus ไป โดยซื้อตั๋วและขึ้นรถได้ที่ใกล้ๆ สถานีรถไฟ takayama


ตั๋วรวมรถไป-กลับและค่าเข้า Hida-no-sato


มาถึงแค่ที่จอดรถก็เจอใบไม้แดงสวยต้อนรับ


วิวด้านใน


จุดที่เขาให้บริการถ่ายรูปค่ะ(เราไม่รู้ไปถ่ายฟรีซะงั้น)


สวนนี้เป็นสวนที่ทำขึ้น ดังนั้นองค์ประกอบเลยสวย (บางคนบอกว่ามันดูไม่ค่อย real)


ได้เจอใบไม้แดงเต็มๆ แล้ว >.<


พระพุทธรูปหิน


ด้านในบ้านแต่ละหลังจะคล้ายๆ พิพิทธภัณฑ์ แสดงวิถึชีวิตพื้นบ้าน


จำลองโรงเก็บไม้


ต้นแปะก๊วย


ใบไม้แดงตัดกับพื้นหญ้าเขียวๆ


ทำนาแบบวงกลม


มีหงส์ว่ายไปมาในสระ


ฤดูใบไม้ร่วงก็ต้องลูกพลับ (เอามาตากแห้งจะได้กินได้นานๆ)


ลูกนี้เขาบอกว่าจะแขวนไว้เหนือถังสาเก จากที่เป็นหญ้าเขียวๆ ถ้ามันเหี่ยวจนหมดแปลว่าสาเกได้ที่แล้ว


ปิดท้ายกันด้วยแผนที่ภายใน Hida-no-sato


          เราหิ้วท้องที่หิวโซได้ที่มากินเนื้อย่างฮิดะ กันที่ร้าน MARUAKI เพราะว่าเดินผ่านเมื่อตอนเช้า เห็นวัวตัวใหญ่อยู่หน้าร้าน ร้านที่หาๆมาว่าจะอยากไปกินนี่โยนทิ้งไปหมด เพราะขี้เกียจไปเดินหา และกระเพาะเรียกร้องให้หาอาหารใส่ลงไปโดยไว (เป็นข้อพิสูจน์ว่าการทำป้ายใหญ่ๆ หน้าร้านก็ช่วยดึงดูดลูกค้าได้) เราสั่ง Set เนื้อมาย่าง 1 ที่พร้อมซุปอีกหนึ่งชาม ทานกับข้าวสวย เนื้อนุ่มมาก มีมันแทรกอยู่อย่างอร่อย น้ำซุปก็เข้มข้น ใครที่ไปคนเดียวเขาก็มีอาหารเป็นเซ็ตให้ด้วยนะคะ

หน้าร้าน


เห็นวัวตัวใหญ่เป็นสัญลักษณ์


เมนูเป็นเซ็ตสำหรับทานคนเดียว(ซึ่งเราไม่ได้สั่ง)


เตาพร้อมแล้ว


อุปกรณ์และน้ำจิ้มบนโต๊ะค่ะ ถ้าจะเอาอะไรก็กดปุ่มเรียกพนักงานได้เลย ไม่ต้องยกมือ ตะโกนบอก


บรรยากาศรอบร้าน คนเยอะเหมือนกัน แต่ก็เข้ามานั่งได้ทันทีไม่ต้องรอ


กรี๊ดมาแล้ว เซตที่สั่งไป ลายเนื้อมันน่ากินมาก (ตอนนี้ดูแล้วหิวขึ้นมาทันที)


ซุปเนื้อ เข้มข้นอร่อยมากค่ะ


ย่างๆๆๆๆ


          กินกันอิ่มพอประมาณไม่ให้กระเป๋าฉีกแล้ว เราก็ไปเดินเล่นรอบๆเมือง และไปที่ย่านบ้านโบราณ และดูของฝากไปด้วยในตัว สุดท้ายก็แวะไปที่พิพิธภัณฑ์ที่เพิ่งเปิดใหม่(เข้าฟรี) แวะซื้อดังโงะ และตัดสินใจกลับก่อนเวลาที่วางแผนไว้ เพื่อจะแวะไปกินข้าวหน้าปลาไหลที่เมื่อวานอดกินไป

ถ้าไม่ใช่โซนบ้านโบราณ ก็ยังมีร้านที่ดูตะวันตกนิดๆ ด้วย


สะพาน แม่น้ำ และใบไม้เปลี่ยนสี (เมืองน่ารักมาก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เมืองนี้ดังมากในหมู่คนไทย)



Sarubobo เต็มเลย


ร้านนี้ขายตุ๊กตากระต่าย


อยากได้ Sarubobo version เทพแห่งโชคลาภ >///<


แวะซื้อดังโงะ มีเพื่อนยู้เคยเข้าใจว่าเป็นลูกชิ้นปิ้ง(ก็หน้าตามันเหมือนนี่นะ) พอกินเข้าไปแทบจะคายทิ้ง


          ไปถึงร้านข้าวหน้าปลาไหลแล้วคนเยอะมาก เราตัดสินใจว่าไม่รอและเปลี่ยนไปกินร้านอื่นแถวนั้นแทน เพราะไม่อยากไปถึงโตเกียวดึกเกินไป ปรากฏว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุด เพราะร้านอุด้งที่เลือกเข้าไปไม่อร่อยเลย น้ำเป็นแบบข้นๆ รสชาติ(ไม่?)ถูกปาก T_T กินเหลือด้วย

          ตอนเดินเข้าไปร้านอุด้ง ก็มีสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม(แต่ดันหน้าหงิกไปหน่อย) เดินมารับ order พอเราพูดอังกฤษใส่ และบอกว่าญี่ปุ่นไม่ได้ เธอก็หายยยยยยไปเลย(แถมหลังสั่งเสร็จจะเรียกก็ไม่มีสบตา) สักพักก็มีคุณป้าท่านนึงเดินเอาเมนูภาษาอังกฤษมาให้ด้วยรอยยิ้ม พร้อมพูดโน่นพูดนี่(เป็นภาษาญี่ปุ่น ฟังไม่ออกหรอกค่ะ แต่ว่ารู้สึกถึงการเอาใจใส่ดี) เราก็จิ้มๆ เมนูสั่งจนเสร็จ คุณป้าก็มีการพลิกเมนูให้อ่านว่า อุด้งมีส่วนผสมของพวก wheat นะ โอเคไหม(บางคนแพ้ค่ะ) ประทับใจทั้งคุณป้า และคนทำเมนูจริงๆ ที่เอาใจใส่ จากที่เซ็งนิดๆ กับน้อง ก็เลยอารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย ถ้าอุด้งถูกปากกว่านี้จะดีมากค่ะ

          หลังจากนั้นเราก็มุ่งหน้าไปโตเกียว ไปพักที่ Chisun Inn Kamata(Tokyo) เพราะว่าช่วงนี้บลูซังกลับเมืองไทย ก็เลยไม่มีคนให้ไปพักด้วย แล้วเตรียมตัวไป Kawakuchiko ในวันรุ่งขึ้น

          ด้วยอาการเหนื่อยก็เลยลืมถ่ายรูปโรงแรมมาด้วย คร่อก!!



Maruya-honten (ร้านข้าวหน้าปลาไหล Hitsumabushi) และร้านอุด้ง (จำชื่อไม่ได้) วิธีเดินทาง : ชั้น 9 ตึก Meitetsu Nagoya อยู่ใกล้สถานี Nagoya

Chisun Inn Kamata(Tokyo) วิธีเดินทาง : นั่ง JR ไปลงสถานี KAMATA(TOKYO) แล้วเดิน


ร้านอุด้งที่ไม่ถูกปากเอาซะเลย T_T


สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้(รวม 2 คน)



  • ตั๋ว Package Hida-no-sato 900 x 2 คน >>> 1,800 Yen

  • เนื้อย่าง MARUAKI (อาหารเที่ยง) >>> 4,360 Yen

  • อาหาร&ขนม&น้ำ ระหว่างวัน >>> 435 Yen

  • ของฝาก >>> 3,055 Yen

  • อุด้ง (อาหารเย็น) >>> 3,445 Yen

  • โรงแรม Chisun Inn Kamata(Tokyo) >>> 6,750 Yen



ค่าใช้จ่ายไม่รวม Shoppingรวม Shopping
วันนี้16,79019,845
รวม262,685301,415

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น