เราตื่นมาแต่งตัว ชมวิวฟูจิทางหน้าต่าง และลงไปกินข้าวเช้าตอน 7:30 อาหารเช้าจะต้องลงไปทานที่ห้องอาหาร เป็น set อาหารเช้าแบบญี่ปุ่น ดูรอบๆแล้ว ห้องอื่นๆมีแต่คนญี่ปุ่นทั้งนั้นเลย อาหารที่มีปัญหางงงวยว่ากินอย่างไรคือ สาหร่ายแผ่น ซึ่งยู้ก็แอบดูโต๊ะข้างๆเห็นแว๊บๆว่า ต้องจิ้มโชยุ แล้วเอามากินกับข้าว ซึ่งบอกน้องสาวไปแล้ว น้องสาวก็ยังทำท่างงๆไม่เชื่อ และเกือบจะเอาไปฉีกเป็นชิ้นเล็กๆมาโรยข้าวแทนซะแล้ว
วิวฟูจิจากเรียวกัง
อาหารเช้าวันนี้ ที่อยู่ในซองขาวๆ นั่นแหละ สาหร่ายเจ้าปัญหา
พอทานข้าวเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินเล่นรอบๆทะเลสาบ วันนี้อากาศแจ่มใส่ ไม่มีเมฆเลยสักก้อนทำให้เห็นฟูจิซังได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว ถ่ายรูปฟูจิซังพร้อมกับคนออกจะยากสักหน่อยเพราะย้อนแสง T_T เดินไปได้ระยะหนึ่งก็เดินทางกลับเรียวกัง เพื่อเก็บของและ check out
ก่อนออกไปทางที่พักมีรองเท้าแตะไว้ใส่ออกไปข้างนอก ไม้เท้าปีนเขา และร่มให้ยืมด้วยนะ
วิวฟูจิอีกที
ทางเดินชิวๆเลียบทะเลสาบ
เดินมาสักพักเราก็เห็นฟูจิซังแบบเต็มๆ แล้ว
เดินๆ ไปได้สักพักกลับเรียวกังไป check out ดีกว่าค่ะ จะได้ไปเที่ยวต่อ
ส่งท้ายภาพจากหน้าต่างบนห้องอีกทีนึง
หลัง check-out คุณลุงขับรถมาส่งเราที่สถานีรถไฟ เราจัดการฝากของไว้กับตู้แล้วออกตะลุยรอบๆ ทะเลสาบกันเลย จุดหมายแรกของเราคือ Ropeway โดย Ropeway อันนี้มี story เป็นเรื่องราวของเจ้ากระต่ายกับทานูกิค่ะ (ในเรื่องทานูกิเป็นตัวร้าย แต่เราว่าก็น่าสงสารมันเหมือนกันนะ) ข้างบนมีจุดให้ปาจานอธิฐานด้วยค่ะ คิดว่าน่าจะต้องปาเข้าไปในช่องพอดีจึงจะสมหวังนะ ทักษะทางกีฬาต่ำอย่างเราคงขอบาย
ว่าแล้วเราก็มาที่ Ropeway ซึ่งมี Theme อยู่ที่เรื่องเล่าระหว่างกระต่ายและแรคคูน
บนกำแพงตอนต่อคิวซื้อตั๋ว จะมีป้ายเล่าเรื่องให้อ่านด้วยนะ แต่ว่าเป็นภาษาญี่ปุ่น
มีงานฝีมือเป็น Ropeway และมีกระต่ายกับ แรคคูนในฉากตามนิทานด้วย
รถมาแล้วจ้ะ รอบนี้เราได้ขึ้นรถแรคคูนตัวร้ายกันนะ
ขึ้นมาถึงก็เจอนี่ก่อนเลย แผนที่
ปาจานให้ลอดห่วงแล้วคุณจะสมปรารถนา (มั่วเอาเองนะอย่าจริงจัง)
วิวบังคับ ระฆังกับฟูจิ วันนี้แดดดี ไม่เมฆเลย
ร้านขายของมีฟูจิซังตัวใหญ่อยู่น่าร้าน น่าอุ้มกลับบ้านมาก
อีกหนึ่งมุมบังคับ กระต่ายกับฟูจิซัง เสียดายมีจานดาวเทียมติดมาด้วย
ด้านบนจะมีรูปปั้นกระต่ายกับแร็คคูนตามฉากต่างๆ ในนิทานอยู่เต็มไปหมด เด็กน้อยนี่กำลังช่วยกระต่ายปราบแร็คคูนหรือย่างไรก็ไม่รู้
อยู่พอหอมปากหอมคอ ก็ลงดีกว่า ขากลับได้รถของเจ้ากระต่าย
ได้วิวฟูจิสวยๆ จากมุมสูงแล้วจุดหมายต่อไปของเราคือ ป้ายสุดท้าย Kawaguchiko living station ไม่รู้ว่าเพราะเป็นฤดูใบไม้ร่วงหรือเปล่า เพราะต้นไม้ดอกไม้ดูแห้งเหี่ยวมากๆ ตอนหาข้อมูลมาพบว่าเลยจากที่นี่ไปจะมีที่ดูใบไม้แดงอีก(แต่ข้อมูลงงๆ ว่าอยู่ตรงไหน) เราก็เลยพยายามเดินต่อไปเรื่อยๆ ว่าจะเดินไปได้ถึงไหน แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครเดินมากับเราเลย แถมเดินไปเรื่อยๆเริ่มเข้าไปในแปลงต้นไม้ของใครไม่รู้ และเจอพวกแมลงบินหึ่งๆ น้องสาวเลยเกิดอาการกลัวแมลง ขอถอยหลังกลับ ก็เลยเป็นภารกิจที่ถูกยกเลิกไปอีกหนึ่งอย่าง
วิวจาก Kawaguchiko living station
เราก็เลยย้อนกลับมาหา retro bus เพื่อจะย้อนกลับทางเดิม เห็น bus คันหนึ่งเข้ามาจอดแต่เป็นรถที่วิ่ง loop ใหญ่ไปถึงทะเลสาบ Saiko ได้ด้วย ยู้ถือ Pass ที่นั่งได้แค่รอบ Kawaguchiko ก็ไม่แน่ใจว่าขึ้นได้ไหม ก่อนจะขึ้นรถก็เลยถามคนขับเขาสักหน่อยว่าใช้ Pass นี้ขึ้นได้ไหม พร้อมชี้ Pass แล้วชี้ไปที่ข้างในรถเผื่อเขาไม่เข้าใจ คุณคนขับก็ตอบกลับมาว่า "@*$&?" ฟังไม่ออกค่ะ คาดว่าเป็นภาษาญี่ปุ่น เราก็ทำท่าบอกไปว่าฟังไม่ออก เฮียก็ยังพูดคำเดิมกลับมาอีก หนูฟังไม่เข้าจาาายยยยยค่าาาา T_T หันไปมองหน้าน้องสาว น้องสาวก็ยังฟังไม่รู้เรื่อง จนเขาถามย้ำรอบสาม น้องสาวเพิ่งถึงบางอ้อ ว่าเขาถามเราว่า Doko(ที่ไหน) แปลว่า พวกเธอน่ะจะไปลงที่ไหน คิดว่าคุณคนขับคงกลัวว่าเราจะเนียนนั่งเลยโซนที่ Pass ของเรานั่งได้
ยู้ก็เลยรีบเปิดแผนที่ชี้ๆให้ดูว่าจะไปลงตรงนี้นะ เขาก็พยักหน้าว่าขึ้นมาได้ รอดตัวไปอีกครั้งด้วยภาษาใบ้ผสมญี่ปุ่นแบบงูๆ ปลาๆ เป็นบทเรียนไว้คราวหน้า ถึงแม้จะไม่ได้ถามทางก็จะบอกสถานที่ๆ จะลงไว้ก่อนเลย
หลังจากได้ขึ้นรถ retro bus แล้ว เราก็ลงที่มุมมหาชนแถวๆ walk way/walking trial แทน ช่วงที่มีใบไม้แดงอย่างนี้ก็มีจัดเทศกาลด้วยค่ะ บางต้นก็กำลังแดงสวยเลย แต่ก็ยังมีบางต้นที่เขียวๆ อยู่เหมือนกัน คนก็เยอะมากมาย ขนาดนี่ยังแดงไม่เต็มที่นะเนี่ย คงเพราะเป็นวันเสาร์ด้วย เดินดูกันได้พักหนึ่งเราก็แวะทานข้าวกันที่ซุ้มขายของแถวนั้น แล้วก็เดินเล่นต่ออีก มีซุ้มยิงปืนเหมือนงานวัดด้วยค่ะ เด็กๆ กำลังเล่นสนุกใหญ่เลย และแล้วเราก็ได้เจอ กล้วยชุบช็อคโกแลต!!! ขนมที่กินไปครั้งที่แล้ว แล้วติดใจ ซื้อมาหม่ำคนละไม้ ก่อนจะตัดสินใจว่าเรากลับกันเถอะ ระหว่างการเดินทางรอบๆ เริ่มมีสัญญาณของความผิปกติ คือรถ Retro bus มาไม่ตรงกับเวลา คงเพราะคนเยอะ และต้องจอดรับส่งคนแต่ละป้ายนานกว่าปกติ แต่เราชินกับรถเมล์ไทยแล้วแค่นี้ไม่มีปัญหา
ซุ้มขายอาหารของเทศกาล
ปลาย่างน่ากินจัง
เดินชมวิวแถวๆ นั้น ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี แม้จะยังไม่ถึง peak ของทั้งหมด แต่บางต้นก็เปลี่ยนสีไปเกือบทั้งต้นแล้ว
แน่นอนว่างานเทศกาลต้องมีซุ้มยิงปืนชิงรางวัล
ตอนที่นั่งรถกลับมาสถานี Kawaguchiko หลังจากขึ้นรถบัสมาคุณพนักงานขับรถก็ประกาศอะไรสักอย่างเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วก็มีบางคนลงจากรถไป เล่นเอาเรากังวลใจว่ารถมันจะไปถึงสถานีไหมนะ แต่ด้วยความที่คิดว่าเวลายังเหลือ และคิดว่ารถทุกคันมันต้องผ่านสถานีสิน่า ก็เลยนั่งต่อไป สุดท้ายก็มาถึงสถานีได้โดยสวัสดิภาพ ก็ยังสงสัยอยู่ว่าวันนั้นเขาประกาศอะไรกันนะ
เพราะว่ายกเลิกภารกิจตามหาอุโมงค์โมมิจิไป ก็เลยเที่ยวเสร็จเร็วกว่าที่วางแผนไว้ ซึ่งโชคดีมากๆ เพราะว่ารถ Bus ขากลับเกือบจะเต็มทั้งหมดแล้ว!!! ดันชะล่าใจไม่ได้จองไว้ก่อน ยังดีที่รอบเย็นๆ มีที่ว่างเหลืออยู่ แต่ก็ต้องนั่งแยกกันค่ะ ซื้อตั๋วเสร็จแล้วก็มาซื้อของฝาก แล้วก็นั่งหลับรอรถมา รถมาถึง late เป็นชั่วโมง จนเลยเวลาไปแล้วรถเที่ยวก่อนเราเพิ่งจะมาถึง แถมขากลับรถยังติดสุดๆ ทำให้กว่าเราจะเดินทางกลับมาถึงสถานีชินจูกุ และกลับไปถึงโรงแรมที่พักได้ก็ดึกแล้ว
มานั่งเบื่อรออยู่ในสถานี กว่ารถจะมา
เป็นข้อพิสูจน์ว่าถ้ารถติดมากๆ รถเมล์ญี่ปุ่นก็ late เป็นนะจ๊ะ ด้วยความเหนื่อยจากรถติดวันนี้ก็เลยซื้อของในสถานีกลับมานั่งกินที่ห้องค่ะ(แล้วก็เลยไม่ได้ยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปอีกเลย) ระหว่างเดินทางกลับเดินผ่านซุ้มขายเกาลัดพอดี ฤดูใบไม้ร่วงทั้งทีก็เลยสอยมากินสักถุงนึง พอกลับมาก็ check in ที่ Chisun Inn Kamata(Tokyo) อีกครั้ง รับกระเป๋าที่ฝากไว้ ขึ้นห้องไปกินข้าว นั่งแทะเกาลัดที่ซื้อมา แล้วนอน Kawagochiko ช่วงเสาร์อาทิตย์คนเยอะจริงๆ มาซ่อมคราวหน้าในวันธรรมดาแล้วกันนะ
สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้(รวม 2 คน)
- ภาษีการใช้ออนเซ็น >>> 300 Yen
- Ropeway 630 x 2 คน >>> 1,260 Yen
- อาหารเที่ยง >>> 2,000 Yen
- ของฝาก >>> 2,500 Yen
- ขนมระหว่างวัน >>> 1,000 Yen
- อาหารเย็น >>> 1,990 Yen
- รถ Bus Kawaguchiko กลับ Tokyo 1,700 x 2 คน >>> 3,400 Yen
- อาหารเช้าวันรุ่งขึ้น >>> 700 Yen
- โรงแรม Chisun Inn Kamata(Tokyo) >>> 6,750 Yen
ค่าใช้จ่าย | ไม่รวม Shopping | รวม Shopping |
วันนี้ | 17,390 | 19,890 |
รวม | 356,875 | 398,105 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น