วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2557

ญี่ปุ่น...สองสามวัน... : วันที่. 7 : Osaka[Osaka castle - Takoyaki Museum -Kaiyukan - Tempozan Ferris Wheel - Nanba - Douraku] : Fri. 02/11/2012

          ตั้งแต่วันนี้ไป 7 วัน เราจะใช้ JR Pass เดินทางลงไปทางใต้ แวะเที่ยวเรื่อยๆ ตลอดทาง และกลับมาโตเกียวในวันที่ 7 วันนี้สองศรีพี่น้องรีบตื่นแต่เช้ามืดและจัดการอาบน้ำแต่งตัวลงไปรอรถเมล์เที่ยวแรก เพื่อมุ่งหน้าสู่โอซาก้า

          มาถึงชานชลาเร็วกว่าเวลารถไฟออกอยู่นาน ก็นั่งชิวๆ ถ่ายรูปโน่นนี่ไป สักพักรถไฟก็มา ตื่นเต้นกับชินกังเซนอยู่ได้แป๊บเดียว ไหนๆ ก็ไม่ได้นั่งฝั่งเดียวกับฟูจิซังแล้ว(ตอนจองเขาว่าเต็ม) ยู้ขอหลับเอาแรงจนกว่าจะถึงโอซาก้าดีกว่า

ป้ายที่ชานชลาจะบอกว่าขบวนต่อไปที่จะเข้ามาจอดเป็นขบวนอะไร ไปไหนและหยุดที่ไหนบ้างค่ะ บอกด้วยว่าถ้าไม่ได้จองมาให้ไปขึ้นตู้ไหน(ถ้าจองมาเราจะรู้อยู่แล้วว่าที่นั่งเราอยู่ตู้ไหน) ตอนไปถึงขบวนก่อนหน้าคือ NOZOMI ยังไม่เข้าสถานีเลย


ถ้าหันหน้าเข้าตัวรถไฟ จะเห็นมีป้ายติดอยู่ว่าตรงนี้จะเป็นรถตู้ไหน ทำให้เราไปรอได้ถูกจุดเลยไม่ต้องรอรถเข้ามาจอดก่อนค่ะ อย่างอันนี้คือบอกว่าเป็นตู้ 14 ขบวนรถ HIKARI ที่จะไป Shin-osaka ยังไม่พร้อมให้ขึ้นไปค่ะ และตู้ 14 สำหรับขบวนนี้เป็นตู้ reserved


ชิงกันเซนมาแล้ววววว


ด้านในตัวรถค่ะ ใครมีกระเป๋าก็เอาไว้ด้านบนนะคะ


          มาถึงโอซาก้า เราก็มีภารกิจแรก คือ หาซื้อตั๋ว OSAKA KAIYU Ticket (2300 เยน ณ ตอนนั้น) ซึ่งเป็น 1-day pass สำหรับ subway และ bus ของโอซาก้า บวกด้วยค่าเข้า KAIYUKAN และสามารถยื่น pass เพื่อเป็นส่วนลดค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ด้วยนะ สถานีโอซาก้านี่ก็เป็นสถานีใหญ่มากสถานีนึง ยู้กับน้องเดินออกมางงๆ หลงๆ หา Tourlist information จนเจอ ก็เข้าไปเอากระดาษที่ print มาชี้ๆ ว่าขอซื้อ pass อันนี้ค่ะ >>>>>

          คุณเจ้าหน้าที่น่ารักมาก ก่อนจะควักเงินจ่ายก็ย้ำก่อนว่า Pass นี้รวมอะไรบ้าง และเราสามารถใช้ pass นี้ได้แค่สิ้นวันเท่านั้นนะ ไม่ใช่ 24 ชั่วโมง ยู้ก็พยักหน้าหงิกๆ รับทราบ หลังจากซื้อเรียบร้อยแล้ว ก็ยังถามอีกว่ามีอะไรจะถามเพิ่มไหมคะ กำลังจะตอบไปว่าไม่เป็นไร แต่ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ถามทางไปที่พักเลยแล้วกัน ซึ่งโชคดีมากที่ถามไป คุณเจ้าหน้าที่ควักแผนที่ออกมาแล้วก็อธิบายอย่างละเอียดว่าให้ลงบันไดไปออกประตูทิศไหน เลี้ยวขวาตรงไปเรื่อยๆ มีสะพาน มีอะไรบอกละเอียดยิบ(ลืมถ่ายภาพ tourlist information มา) ระหว่างเดินไปตามทางที่เขาบอกก็คิดในใจว่าถ้ามาหาเองนี่หลงชัวร์ ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงโรงแรมเพื่อฝากกระเป๋าไว้ก่อน แล้วก็ออกเที่ยวในวันนี้

          พอตัวเบาแล้วเราก็ไปเที่ยวปราสาทโอซาก้ากัน เจอนักเรียนมาทัศนศึกษาเยอะแยะเลย ถ้าเดินดูสวนรอบๆ ไม่เสียเงินค่ะ แต่ว่าถ้าจะเข้าไปในตัวปราสาทก็เสีย 600 เยน(ใช้ OSAKA KAIYU Ticket ลดเหลือ 500 เยน) เข้าไปถึงจะมีพนักงานพาขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนก่อน พร้อมอธิบายกฎต่างๆ ด้านในของปราสาทเป็นเหมือนพิพิธภัณฑ์ แสดงเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แม้จะทำใจมาแล้วว่าทุกคนบอกว่าปราสาทนี้เพิ่งสร้างใหม่จะดูไม่ขลัง แต่ก็ยัง fail นิดๆ ไม่รู้สึกว่าอยู่ในปราสาทสักเท่าไหร่เลย ยกเว้นตอนขึ้นไปชั้นบนสุด (แต่ก็ดันมีตาข่ายเหล็กกั้นอีกต่างหากสงสัยกลัวเราตกลงไป) พิพิธภัณฑ์นี้บางชั้นก็ถ่ายรูปได้บางชั้นก็ห้ามค่ะ สังเกตเอาเองว่าชั้นที่ห้ามคือชั้นที่เก็บพวกของโบราณทั้งหลาย ถ้าชั้นที่มีแต่ข้อมูลหรือหุ่นจำลองจะถ่ายภาพได้ เดินดูอยู่พักใหญ่ก็ลงมาถ่ายรูปรอบๆดีกว่า ใบไม้รอบๆ เริ่มเปลี่ยนสีจางๆ แต่ก็ยังไม่สวยมาก เห็นมีคู่รักมาถ่ายภาพกันด้วยค่ะ น่าจะเป็นการถ่ายภาพ Pre-wedding



Osaka Castle วิธีเดินทาง : ถ้านั่ง JR ให้  นั่งรถจาก Shin-osaka มาเปลี่ยนรถเป็น Osaka loop line ที่สถานี Osaka แล้วไปลงที่สถานี Osaka-jo kone หรือ Morinomiya (ถ้าลง Morinomiya จะเดินเข้าประตูหน้าได้ง่ายกว่า) แต่ถ้านั่งรถไฟ local ก็ลงสถานี Tenmabashi หรือ Tenimachi 4 chrome ได้จะเดินใกล้กว่าค่ะ

Note : ถ้านั่งชิงกันเซนมาโอซาก้าจะต้องลงที่ Shin-osaka ค่ะ แล้วค่อยต่อรถไปที่อื่น โดยปกติสถานีที่มีคำว่า Shin นำหน้าจะเป็นสถานีสำหรับชินกังเซน


บ้านหลังนี้ไม่รู้ว่าคืออะไร??


เดินผ่านตึก NHK ด้วย แต่ไม่ได้แวะเข้าไป


ถึงทางเข้าปราสาทแล้ว


เด็กๆ ประถมมาทัศนศึกษากัน


เห็นปราสาทแล้วค่ะ ต้นไม้เริ่มเปลี่ยนสีนิดๆ แต่ยังไม่งามเท่าไหร่


ปราสาทโอซาก้า ถูกทำลายและสร้างใหม่ไปหลายครั้ง ดูใหม่กิ๊กไปหน่อย เข้าไปก็เลยไม่ค่อยอินเท่าไหร่


ข้างในเป็นพิพิธภัณฑ์ค่ะ


มาซามุเนะซามะ หน้าตาช่างต่างกับในการ์ตูนที่เคยอ่าน


มาถึงปราสาทโอซาก้า ต้องถ่ายรูปเจ้าปลามังกรตัวนี้ค่ะ(ไม่รู้ทำไมนะ)


วิวจากบนปราสาท


ระเบียงปราสาทจะมีรั้วเหล็กกั้นอยู่ น่าจะเพื่อป้องกันคนตกลงไป เพราะคนบนนี้เยอะเหลือเกิน แต่ทำให้ถ่ายรูปไม่สวยเลย


แล้วมาเดินดูรอบๆ ปราสาทกัน ใบไม้ยังไม่เปลี่ยนสีเลยมีอะไรให้ดูไม่เยอะ


คู่นี่น่าจะมี pre-wedding กันล่ะมั้ง


          เที่ยงแล้วเรามุ่งหน้าไปที่จุดประสงค์ข้อหนึ่งในการมาครั้งนี้ คือ ทาโกะยากิ เรานั่งรถไฟต่อไปที่ Takoyaki museum ค่ะ ถึงแม้จะชื่อTakoyaki museum แต่ความจริงก็เป็นแค่ร้านทาโกะ(ที่น่าจะชื่อดัง) ห้าร้าน มาตั้งอยู่รวมกันเท่านั้นเอง ประวัติของทาโกะ หรืออะไรไม่มีทั้งนั้น

          การซื้อทาโกะของที่นี่กินจะใช้วิธีกดจากตู้ โดยหยอดเงินเข้าไปในตู้หน้าร้าน พร้อมกดปุ่มอาหารที่จะต้องการสั่ง แล้วมันก็จะมีใบเล็กๆ ออกมา เอาไปยื่นให้ที่เคาท์เตอร์ เสร็จแล้วก็ไปนั่งรอเขาทำจนเสร็จค่อยยกมากิน ทุกร้านจะมีเมนูอันใหญ่ๆ อยู่หน้าร้าน เราสามารถเดินๆ เลือกก่อนได้ว่าอยากกินเมนูของร้านไหน ส่วนใหญ่เป็นภาษาญี่ปุ่น อ่านไม่ออกก็ดูรูปเอาก็ได้ เอาล่ะเริ่มบุกกันเลย



Takoyaki museum วิธีเดินทาง : นั่ง JR ไปลงสถานี Universalcity (สถานีเดียวกัน Universal studio นั่นแหละ)


มาถึงก็เจอเจ้าทาโกะที่เป็นมาสคอทนี่ก่อนเลย


มีให้ซื้อกลับบ้านด้วยค่ะ


แผนผังพร้อมชื่อร้าน


เรือขนทาโกะ?


          ร้านแรกมีเมนูหน้าร้านเป็นภาษาอังกฤษ มีทาโกะสามแบบ เราก็สั่งแบบรวมมิตรมาค่ะ ก็จะมี Takoyaki แบบดั้งเดิม, Radioyaki แบบที่ใส่ไส้เป็นเนื้อแทน และ Negiyaki ที่ปรุงแบบใส่ต้นหอม แบบที่ไส้เนื้ออร่อยดีค่ะ ไม่เคยคิดเลยว่าเนื้อจะเข้ากับแป้งทาโกะได้

เมนูหน้าร้าน


สั่งแบบรวมอย่างละ 4 ลูก 630 Yen ร้านนี้ได้ของหน้าตาเหมือนในรูปที่สุดแล้ว


          ร้านที่สองชื่อ Yamachan (คิดว่าเป็นชื่อร้านนะ) เมนูไม่มีภาษาอังกฤษเห็นจากรูปมีทาโกะหลักๆ อยู่ 5 แบบ พอดีเหลือบไปเห็นเมนูนึงเขียนว่า No.1 โอ้ว สงสัยว่าขายดีอันดับ 1 เอาเมนูนี้แล้วกันนะ ของจริงมาไม่เหมือนในภาพสักนิด ภาพเพื่อการโฆษณาสินะ

ยามะยังรักสันติภาพนะจ๊ะ


เมนูหน้าร้าน อ่านไม่ออกก็ดูรูปเอาแล้วกัน


Counter ทำทาโกะ และรับสินค้า


8 ชิ้น 580 Yen หน้าตาต่างจากในภาพมาก


          ร้านสุดท้ายที่ยู้เลือก มีทาโกะที่กินกับซอสต่างๆ กัน และมีโรยต้นหอมและไม่โรยด้วย สั่งแบบ Mix 4 อย่างมาจานนึงพร้อมน้ำ ตอนเอาใบไปยื่นคุณป้าจะถามเราว่าเอาน้ำอะไร แน่นอนว่าพูดญี่ปุ่น แต่พอพูด eng ใส่ไปเขาก็ภาษาใบ้ปน eng กลับมา ร้านนี้คนค่อนข้างเยอะ ก็เลยมานั่งรอเรียกคิว ซึ่งเขาจะเรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นนะคะ เราก็เล็งๆ ว่าคนก่อนหน้าเราจะได้หรือยังแล้วก็เตรียมตัว ถึงคิวป้าก็จะหันมาสบตาเรานิดนึงก็ออกไปหยิบมาทานได้

ร้านที่สามมีทานูกิอยู่หน้าร้านด้วย


โฆษณาว่ามีหลายแบบ มีแบบใส่ต้นหอมด้วย


เมนูพร้อมราคา


หน้าร้านทุกร้านจะมีตู้แบบนี้ก็ดูรูป ใส่เงิน แล้วจิ้มเลยว่าจะเอาอันไหน


บรรยากาศในร้าน


ได้แล้ว สั่งแบบ Mix พร้อมน้ำ 1,050 Yen ต้นหอมมันจะเยอะไปไหนน่ะ (ภาพเพื่อการโฆษณาอีกแล้วครับท่าน)


          สรุปแล้วทั้งสามร้านรสชาติไม่ค่อยต่างกัน ยกเว้นอันที่สอดไส้เนื้อ ซึ่งทั้งหมดด้านนอกไม่ค่อยกรอบเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าที่ญี่ปุ่นชอบแบบนี้เหรือเปล่า แต่ว่าสรุปแล้วสองพี่น้องคิดว่า Gindaco ที่เอสพลานาดอร่อยกว่านะ 555+

อีกสองร้านไม่ได้กิน เพราะอิ่มก่อน ร้านนี้เป็นแบบมีน้ำซุปด้วย


หน้าร้าน


ร้านสุดท้าย มีแบบมีซุปเหมือนกัน ร้านนี้ท่าทางจะใส่อะไรกรอบๆ ลงไปด้วย


หน้าร้าน(คุณพี่ทางซ้ายแอบยิ้มให้กล้องด้วย)


          อิ่มกันแล้วก็ลงมาด้านล่างเจอ Jump shop ก็เลยแวะเดินเล่นแป๊บนึง พอให้เกิดความอยากได้โน่นอยากได้นี่ แล้วก็ชิ่งออกมาก่อนจะเสียเงิน

          จากบริเวณนี้ความจริงเราสามารถซื้อตั๋วเรือ Capt. line ข้ามไปยัง KAIYUKAN ได้ค่ะ (มีขายตั๋วรวมค่าเรือ และค่าเข้า KAIYUKAN ด้วย) แต่ว่าในเมื่อซื้อ pass มาแล้วจะนั่งเรือให้เสียเงินทำไมล่ะ ไปรถไฟโลด อ้อ!! หากรถไฟที่โตเกียวมีเจ้าเพนกวินเป็นสัญลักษณ์อยู่เต็มไปหมด ที่โอซาก้านี่ก็มีน้องตุ่นปากเป็ดอยู่เหมือนกันนะ

Jump Shop


เรือโผล่ออกมาจากหนังสือเลย


ด้านในตกแต่งด้วยการ์ตูนดังๆ มากมาย


บรรยากาศในร้านดูน่าเดินเล่น ไม่ใช่มีแต่ของขายอย่างเดียว


แถมท้ายด้วยเจ้าตุ่นปากเป็ดของโอซาก้า


          ไปถึง KAIYUKAN ก็บ่ายสามแล้ว ที่นี่มีพระเอกคือเจ้าฉลามวาฬตัวใหญ่ค่ะ ตอนเข้าไปจะมีมุมให้ถ่ายรูปอยู่ ซึ่งพนักงานจะถ่ายภาพให้เราฟรีๆ ด้วยกล้องของเรา และก็ถ่ายด้วยกล้องของเขาไว้ด้วยค่ะ ตอนขาออกท่านก็จะเห็นภาพของท่านอยู่ในกรอบสวยงามรอให้เลือกซื้อ ถ้าชอบก็ซื้อ ถ้าไม่ชอบหรืองก ก็เอารูปในกล้องของเราไปอัดเองทีหลังได้ค่ะ ภายในนอกจากจะมีเหล่าปลาแล้ว ยังมีพวกนากทะเล, สิงโตทะเล, เต่า, กุ้ง, ปลาหมึก, ปลากระเบน, แมงกะพรุน, เจ้าปูแมงมุมหน้าตาเหมือนมนุษย์ต่างดาว ส่วนสัตว์บกก็มีอยู่นิดหน่อยเป็นตัวโคอาติ และหนูยักษ์คาปิปาร่า แล้วที่สำคัญที่สุดมีน้องเพนกวินอยู่ด้วย



KAIYUKAN วิธีเดินทาง : นั่ง Osaka city subway ลงสถานี Osakako ทางออก 1 แต่ถ้ามาจาก Takoyaki museum / Universal studio สามารถนั่งเรือข้ามฝั่งมาได้เลย ราคาประมาณ 700 Yen

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการนั่งเรือ http://www.osaka-info.jp/th/sightseeing/captline.html , http://www.mmjp.or.jp/Capt-Line/english/eindexnew.html


มาถึงก็เจอน้องเพนกวินก่อนเลย


หน้าตาตึกเป็นเอกลักษณ์มากๆ ค่ะ


ถังขยะน่าร๊าาาากกกก


พอเข้ามาในตึกจะมีให้ถ่ายภาพกับเจ้าฉลามวาฬ พระเอกของที่นี่ค่ะ โดยเขาจะถ่ายรูปให้ฟรีด้วยกล้องเราด้วย และจะมีกล้องของเขาเอาที่จะเอาไปอัดใส่กรอบมาขายเราอีกทีตอนออกมา(ซื้อเราไม่ได้ซื้อค่ะ ถ่ายฟรีอย่างเดียว)


น้องปลาสวยงามเลย


ให้อาหารแมวน้ำ พร้อมตรวจสุขภาพ


สิงโตทะเลนั่งรอคิว


หลับสบายเชียวนะ ZZZzzz


เพนกวินนนนนนน เดินมาโชว์ตัวใกล้ๆ กระจกเลยทีเดียว


มีเต็มเลยค่ะ ไม่รู้มันอึดอัดบ้างหรือเปล่านะ แต่เสียดายกระจกไม่ใสเท่าที่ควร


ปลาหน้าเอ๋อ


ฉลามวาฬพระเอกของที่นี่ค่ะ (ได้ข่าวว่าปัจจุบันเสียชีวิตแล้ว T_T)


ปลานีโม่ เอ๊ยยย!! ปลาการ์ตูน


ญาติหมึกพอล


มนุษย์ต่าวดาวบุกกกกก อ้าว! ไม่ใช่ เป็นแค่น้องปูเหรอเนี่ย (เห็นตรงกระดองปูจะมีอะไรงอกอยู่คล้ายๆ เห็ดด้วยค่ะ สงสัยจังว่าอะไร)


แมงกระพรุน


แมงกระพรุนอีกสักรูป นึกภาพมันลอยชิวๆ แล้วรู้สึกชิวตาม


ออกมาด้านน้องฟ้าก็มืดแล้ว เพนกวินด้านหน้าก็เปิดไฟแล้ว


          ใช้เวลาอยู่ด้านในประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง(อยู่กับเพนกวินไปซะเยอะ) ออกมาฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว เราก็ไปนั่งชิงช้าสวรรค์ Tempozan Ferris Wheel ที่อยู่ข้างๆ KAIYUKAN กัน ราคาเต็ม 700 เยน แต่ใช้ pass ลดได้ 10% กระเช้าจะมี 2 แบบ ราคาเดียวกัน คือกระเช้าธรรมดา และกระเช้ากระจกที่เป็นกระจกทั้งหมด มองเห็นได้ 360 องศา แต่มีอยู่แค่ 2 กระเช้าเท่านั้น ตอนแรกเห็นคนต่อคิวอยู่กำลังจะเดินเข้าไปต่อด้วยแล้ว แต่หันไปเห็นป้าย บอกว่ากระเช้าธรรมดาทางซ้าย กระจกทางขวา ด้วยความกลัวความสูง(แล้วยังจะขึ้นชิงช้าสวรรค์) ก็เลยเข้าด้านซ้ายโลดได้ขึ้นทันทีไม่มีคิว นั่ง 1 รอบใช้เวลาประมาณ 17 นาที ชิงช้าสวรรค์ที่นี่มีความพิเศษคือ สีของไฟที่เปิดจะพยากรณ์อากาศวันรุ่งขึ้นได้ค่ะ

          ใครจะไปลองดูใน web บางทีก็พิมพ์ใบลดราคาไปได้ค่ะ http://www.senyo.co.jp/tempozan/index.html

สีแดงแปลว่าพรุ่งนี้แดดออก อากาศดี ^^


กระเช้ามีสองแบบ แบบธรรมดา และแบบพื้นกระจก ราคาไม่ต่างกันค่ะ แต่เข้าแถวคนละแถวนะ


วิวบนกระเช้า


จากโพล้เพล้นั่งไปสักพักก็มืดแล้วค่ะ


เห็นแสงสียามค่ำคืนของโอซาก้า


ลงมาเจอแมวญี่ปุ่น นึกว่าจะเจอแมวมอง แต่ดันกลายเป็นแมวเมินค่ะ


          เสร็จแล้วเราก็มายังย่าน Namba / Dotonburi เพื่อหาอะไรกิน และตามหาป้ายกูลิโกะ เดินมาไม่นานก็เจอปูตัวใหญ่เบิ้มอยู่บนหัว พร้อมเห็นขาปูหอมฉุยอยู่หน้าร้านค่ะ วางแผนไว้ว่าจะกินอยู่แล้ววันใดวันหนึ่ง ไหนๆก็มีเวลาวันนี้เลยแล้วกัน เข้าไปสอบถามคุณพนักงานบอกว่ารออีก 1 ชั่วโมงนะจ๊ะ ไปเดินเล่นก่อนก็ได้ หันไปมองหน้าน้องสาวเพื่อขอความเห็น อ่ะ ยังไม่หิวมาก รอก็รอ ว่าแล้วเขาก็ให้บัตรคิวใบเล็กๆมาพร้อมจดชื่อ ยู้ ลงไปในกระดาษ (เป็นข้อดีของการชื่อยู้ คนญี่ปุ่นออกเสียงง่าย)



Namba / Dotonburi วิธีเดินทาง : นั่ง Osaka city subway ลงสถานี Namba


ปูร้านนี้แหละ ร้านชื่อดัง


          เราก็เลยมีเวลา 1 ชั่วโมงในการเดินเล่น สองข้างทางเต็มไปด้วยไฟส่องสว่างและป้ายมากมายพยายามดึงดูดเชิญชวนให้เข้าร้าน มัวแต่ตื่นเต้นกับป้าย จนไม่ค่อยได้ดูเลยว่าเขาขายของกินอะไรบ้าง คนเดินเยอะแยะไปหมด ส่วนน้องสาวก็เกิดอาการวิตกจริตตอนกลางคืน เพราะเห็นมีหนุ่มๆ หน้าตาคล้ายโฮสต์ยืนอยู่หน้าร้านบางร้าน เลยกลัวว่าจะมีอันตรายหรือเปล่า แต่ก็ยังเดินเที่ยวเล่นกันต่อนะ หลังจากแว๊บเข้าไปดูขนมในร้านกูลิโกะ(แต่ไม่ซื้อ เพราะเลือกไม่ถูก) ก็ได้เวลากลับไปกินปู

ถนนเต็มไปด้วยป้ายไฟสว่างจ้าไปหมด


ซูชิคำใหญ่มาก


คุณมังกรเขาขายบะหมี่ กินแล้วจะมีดรากอนบอลให้สะสมไหมนะ


หาป้ายใหญ่ไม่เจอ งั้นเอาป้ายเล็กไปแทนแล้วกัน


          กลับมาถึงร้าน รอสักพักคุณพนักงานก็เรียก ยู้ซามะ ยู้ซามะ (ซามะ เป็นคำลงท้ายเพื่อเรียกอย่างสุภาพค่ะ ประมาณว่า คุณยู้ หรือ ท่านยู้) ยู้ก็เฉย ก็มันเข้าหูแค่คำว่าซามะๆ ไม่นึกว่าจะเป็นชื่อเรา ส่วนน้องสาวที่คุ้นกับภาษาญี่ปุ่นมากกว่าก็สะกิดบอกว่า เขาเรียกเธอแล้วน่ะ อ้าวเหรอ!! เมื่อได้คิวแล้วเขาก็พาขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนค่ะ นั่งโต๊ะสักพักเขาก็เอาเมนูมาให้เลือก น้องสาวเปิดขึ้นมาสักพักแล้วก็ปิดเมนูพร้อมบอกว่า พี่สาวเลือกให้หน่อย ก็เลยเลือกไปสองชุดที่อาหารในชุดไม่เหมือนกันมา ปูประกอบด้วยปูย่าง เทมปุระ ปูซาซิมิ มันปูย่าง ซุป ไข่ตุ๋น และ ผลไม้ โดยอาหารเขาจะยกมาทีละอย่างตามลำดับ คุณพนักงานจะพยายามเสริฟอาหารแต่ละชุดให้ตรงกับคนสั่ง ก่อนเสริฟเขาก็เข้ามาถามว่าชุด XXX ของใครคะ(พอดีว่ายู้เป็นคนสั่งเองทั้งสองชุด เลยไม่แน่ใจว่า ถ้าแต่ละคนเป็นคนสั่งเองเขาจะจำได้เองหรือเปล่านะว่าของใครเป็นของใคร) เราก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก จำชื่อชุดก็ไม่ได้แล้วด้วย ก็เลยชี้ๆ ไปมั่วๆ แล้วค่อยมาสลับกันเอง เรายังทำความสับสนให้พนักงานมากขึ้นอีกด้วยการแบ่งกันกินตามประสาคนไทย จานอาหารบนโต๊ะคงจะปนกันมั่วซั่วไปหมด พนักงานมาเสริฟก็มึนๆ แล้วก็มีการกลับมาแก้บอกว่าอันนี้ของคนนี้นะคะ(คิดว่าเขาคงจะกลัวเรากินผิดสั่งของแพงได้กินของถูก) หลังจากอิ่มกันแล้วก็ต้องลงมาจ่ายเงินข้างล่าง และได้รับจากลูกอมรสชาเขียวมาอมล้างปาก บนโต๊ะ cashier มีที่กระดาษพับเป็นรูปปูอยู่ด้วย คุณ cahsier เห็นเราสนใจก็บอกว่าเอากลับไปได้เลยนะคะ แต่ก็บอกว่าไม่เป็นไรค่ะ (เอากลับมาก็คงเอาไปทิ้งอยู่ดี)

ปูสดๆ เต็มตู้เลย


ที่วางตะเกียบยังเป็นรูปปู


เมนู(มีอีกหลายหน้านะคะแต่หน้านี้เป็น set) เราสั่งบนซ้าย กับล่างขวาไปค่ะ รูปจะปนๆ กันทั้ง 2 set นะคะลองเล็งในเมนูกันเอาเอง ว่าอันไหนอยู่ set ไหน 555+


ปูต้ม


กินง่ายๆ เลยเขาแกะมาแล้ว


ซาซิมิปู


อันนี้ก็ซาซิมิ แต่ปูคนละแบบ


ไข่ตุ๋นปู เนื้อเนียน


ปูย่าง ด้วยความเห็นของ 2 พี่น้อง เราว่าจานนี้อร่อยสุด


มีอุปกรณ์ไว้แคะ/ตักเนื้อปูด้วยนะคะ แต่ใช้ไม่ค่อยจะเป็นหรอก ไม่เห็นมีวิธีใช้แปะไว้เลย


จะมีโถใส่เปลือก+กระดองไว้ให้ค่ะ นี่หน้าตาเราตั้งใจกินมาก 555+


เทมปุระปู + ผัก


อันนี้ก็ชอบค่ะ เราเอาเนื้อปูไปผสมกับมันปูในกระดอง คนๆๆๆ พอเดือดปุดๆก็จัดการซะ


ซูชิ set แรก


ซูชิอีก set จะหน้าตาไม่เหมือนกัน


ซุปจะเป็นแบบใสค่ะ (เราชอบ แต่น้องไม่ชอบSmile with tongue out)


ตบท้ายด้วยผลไม้


ผ้าเย็นและมะนาวไว้ล้างมือ


ลงมาจ่ายเงินที่ counter ด้านล่างค่ะ อันนี้คือสาขาทั่วญี่ปุ่นของเขาล่ะ


กระดาษพับเป็นรูปปูที่เขาบอกให้เราเอากลับไปได้


          ด้วยความเหนื่อย + ความวิตกจริตของน้องสาว ประกอบกับกินจนอิ่ม แล้วแม้จะเดินต่อไปก็คงจะไม่ได้ซื้ออะไรอยู่ดี (ปกติยู้จะช็อปแต่ของกินค่ะ) เราก็เลยยกเลิกการค้นหาป้ายกูลิโกะ แล้วกลับที่พักกันเลย กลับถึงที่พักแล้วก็มาเอากระเป๋า ทำการ check-in จ่ายเงิน และขึ้นไปหลับพักผ่อน

          คืนนี้เราพักกันที่ Chisun hotel Shin-Osaka และจะพักกันอีก 5 คืน เพราะเราตั้งใจจะปักหลักที่ Osaka และนั่งชินกังเซนไปเที่ยวจังหวัดข้างเคียง ซึ่งเราเลือกที่นี่เพราะว่ามันใกล้สถานี Shin-Osaka ทำให้ขึ้นชินกังเซนได้อย่างง่ายดาย และเพราะเราจองล่วงหน้ากันนานมากกกกกก และจองยาว 5 คืน ค่าห้องก็เลยถูกลง 22,320 เยน หรือไม่ถึง 2,300 เยนต่อคนต่อคืน เท่านั้นเอง ที่นี่มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญด้วยนะคะ อยู่ชั้นไหนจำไม่ได้แล้ว แต่ออกจากลิฟต์แล้วต้องเดินไปในหลืบๆ นิดนึง



Chisun Hotel Shin-osaka วิธีเดินทาง : ลง JR สถานี Shin-Osaka


          รู้สึกประทับใจด้วยราคาที่ถูกเหลือเชื่อ(ไม่รู้คราวหน้าไปจะยังมีไหม) ซึ่งตอนนั้นที่หาข้อมูลโรงแรมราคาประมาณนี้หรือถูกว่ามีเหมือนกันนะคะ แต่อยู่แถว Shinimamiya  พอจองที่นี่ได้ทำให้ประหยัดเวลาในการเดินทางไปมาเพื่อเอากระเป๋าไปเก็บ และเวลาที่ต้องเดินทางมาขึ้นชินกังเซนไปที่อื่นตอนเช้าอีกด้วย

ห้องพักเล็กๆ ตามสไตล์ Business Hotel ค่ะ สังเกตปลายเตียงนี่คือติดผนังแล้ว


ข้างเตียงมีที่เล็กน้อยพอนั่งเล่น วางกระเป๋าได้ ห้องน้ำก็ size มาตรฐาน Business Hotel คาดว่าทำสำเร็จรูปจากโรงงาน


มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั่วไป เช่น ทีวี ไม้แขวนเสื้อ Slipper มีตู้เย็นเล็กๆ ให้ด้วย (ที่รู้สึกว่าไม่เย็นเท่าไหร่)


สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้(รวม 2 คน)

  • OSAKA KAIYU Ticket 2,300 x 2 คน >>> 4,600 Yen

  • ค่าเข้าปราสาทโอซาก้า 500 x 2 คน >>> 1,000 Yen

  • อาหาร&ขนม ระหว่างวัน และจิปาถะอื่นๆ >>> 350 Yen

  • ขึ้นชิงช้าสวรรค์ 630 x 2 คน >>> 1,260 Yen

  • ทาโกะยากิ (อาหารเที่ยง) >>> 2,260 Yen

  • ปู (อาหารเย็น) >>> 12,600 Yen

  • ซื้อของฝาก/ของที่ระลึก >>> 710 Yen

  • ซื้อขนมปังไว้กินเช้าวันรุ่งขึ้น >>> 750 Yen

  • ค่าโรงแรม 5 คืน @ Chison hotel Shin-Osaka >>> 22,320




ค่าใช้จ่ายไม่รวม Shoppingรวม Shopping
วันนี้45,14045,850
รวม170,720193,080

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น