-- วางแผนเที่ยวแบบคร่าวๆ --
ระหว่างที่คิดโน่นคิดนี่ เราก็เข้าร้านหนังสือไปหาเล่มที่น่าสนใจมาอ่าน ลองหาข้อมูลจาก web ต่างๆ แล้วเราก็มาเริ่มวางแผนกันอย่างจริงจังสักที ในช่วงนี้ยู้เข้าร้านหนังสือทีไรต้องเดินไปชั้นหนังสือท่องเที่ยวแล้วได้หนังสือเที่ยวญี่ปุ่นติดมาทุกทีไป
ขั้นแรกยู้วางแผนคร่าวๆ ก่อนว่าจะไปที่ไหนบ้างและในแต่ละที่จะเที่ยวกี่วัน หลังจากนั้นยู้ก็ search หาตำแหน่งของสถานที่ต่างๆ ที่อยากไป และกิจกรรมที่อยากทำนั้น ต้องไปที่ไหน จังหวัดใด แล้วทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่
- Disneyland – ชิบะ (ใกล้ๆ โตเกียว) >> 4 วัน
- Huis ten bosh – นางาซากิ
- ซื้อโดจินชิ – อิเคะบุคุโระ โตเกียว
- ปลาดิบ – ตลาดสึคิจิ โตเกียว หรือที่อื่นก็ได้
- ชาเขียว – อุจิ เกียวโต
- ทาโกะยากิ – Takoyaki museum โอซาก้า
แล้วลองลากเส้นต่อจุดค่ะ สรุปว่าเราจะไปลงโตเกียว แล้วลงไปทางใต้เรื่อยๆ จนถึงนางาซากิ แล้วย้อนกลับมาโตเกียวอีกครั้ง ส่วนวันที่เหลือว่างๆ ก็ดูว่าตามเส้นทางที่ลากเส้นผ่านมีที่ไหนน่าเที่ยวหรือมีใบไม้แดงให้ชมบ้าง
- ใบไม้แดง – จุดที่อยู่ในเส้นทาง และน่าจะเปลี่ยนสีในช่วงนั้นคือ Nikko, Takayama, Kawaguchigo, Hiroshima(นิดหน่อย) และเพิ่ม Obara เป็นจุดที่มีซากุระซึ่งบานในฤดูนี้ด้วย
-- หาข้อมูลเพิ่ม (หาที่เที่ยว & ที่พัก & การเดินทาง) --
หลังจากได้แผนคร่าวๆ แล้วเราก็มาหาข้อมูลเพิ่มเติม
1) ที่เที่ยว
ดูว่าในแต่ละเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอะไรบ้าง จำนวนวันที่กำหนดไว้พอเที่ยวไหม ที่ไหนคนเยอะจึงไม่ควรไปเสาร์อาทิตย์ ที่ไหนมีปิดให้บริการวันไหน ที่ไหนมีงานเทศกาลช่วงไหน พร้อมทั้งหาเวลาเปิดให้บริการ และค่าใช้จ่ายในการเข้าชม มาไว้เผื่อทำงบอย่างละเอียด
2) ที่พัก
ในแต่ละวันเมื่อเที่ยวเสร็จแล้วควรจะพักที่ไหน ไม่ควรจะย้ายที่พักบ่อยเกินไปเพราะจะต้องมาเก็บกระเป๋า ลากกระเป๋าไปโน่นมานี่บ่อยๆ หาที่พักราคาถูกแล้วอย่าลืมดูว่าควรจะเดินทางสะดวกใกล้สถานีรถไฟด้วย ที่พักถูกกว่าแต่ไกลว่า บางทีคำนวณค่าเดินทางเพิ่มแล้วก็ถูกกว่ากันไม่เยอะนะ
Note: จองที่พักอย่างไรให้ราคาถูกดูในหัวข้อการจองห้องพักนะจ๊ะ
3) การเดินทาง
ที่เที่ยวและที่พัก แต่ละที่ไปอย่างไร มีแผนที่ไหม และที่สำคัญสามารถเดินทางไปได้ทันตามที่เราวางแผนไว้หรือไม่
4) สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสี
เนื่องจากใบไม้ไม่ได้เปลี่ยนสีตลอดเวลา อยากจะไปชมต้องไปให้ถูกวัน ตามหนังสือหรือ web ที่แนะนำสถานที่ชมใบไม้แดงมักจะบอกช่วงเวลาไว้อยู่แล้ว แต่มักจะเป็นเวลากว้างๆ ถ้าอยากรู้ให้ละเอียดลงไปอีก เราสามารถหาข้อมูลเพิ่มได้จาก
- กะระยะเวลาได้จากการอ่าน review เก่าๆ ที่มีคนไปเที่ยวแล้วถ่ายรูปมา ว่าช่วงเวลานั้นลักษณะของใบไม้เป็นอย่างไร หรือใน web ก็จะมีรายงานและรูปภาพของปีก่อนๆ ที่สมาชิกช่วยกันแจ้งเข้ามา
- ดู web พยากรณ์ ของญี่ปุ่น ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องข้อมูลอย่างญี่ปุ่นแน่นอนว่ามีหลาย web ที่ทำนายว่า แต่ละสถานที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีช่วงไหน และ peak ช่วงไหน และบาง web มีข้อมูลในอดีตด้วย ซึ่งส่วนใหญ่การพยากรณ์ก็มีข้อมูลขึ้นช่วงใกล้ๆ ใบไม้ร่วงค่ะ(ใครมันจะไปนั่งทางในดูได้ล่วงหน้านานๆ ล่ะเนอะ) ถ้าใครวางแผนล่วงหน้านานๆ แบบยู้ก็ต้องเสี่ยง และดูจากข้อมูลปีก่อนๆ เอาหน่อยค่ะ
Web :
ภาษาญี่ปุ่นมี web อยู่หลากหลาย แต่คงต้องใช้ google translate ช่วยกันหน่อยล่ะ http://weathernews.jp/koyo, http://kouyou.nihon-kankou.or.jp/, http://kouyou.yahoo.co.jp/, http://www.rurubu.com/season/autumn/koyo/
ภาษาอังกฤษจะเป็นรายงานใบไม้แดงแต่ละปีที่สมาชิกถ่ายภาพส่งเข้ามาค่ะ http://www.japan-guide.com/e/e2014.html
อันนี้ภาษาไทยแต่เป็นข้อมูลคร่าวๆ เฉยๆนะ http://www.yokosojapan.org/event/redleaf1.php
ที่ยู้ชอบที่สุดคือ http://weathernews.jp/koyo มีข้อมูลปีก่อนๆ เป็นกราฟ ให้ด้วยว่าเริ่มแดงช่วงไหน peak ช่วงไหน มีเป็นแผนที่ด้วย ถ้าจะไป zone ไหนก็จิ้มในแผนที่ได้เลย แต่ปัญหาใหญ่มากคือมันดันเป็น flash อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ต้องต้องมั่วๆ จิ้มๆ แล้วเอาชื่อสถานที่ไป search google อีกที ไม่งั้นต้องไปหาชื่อจังหวัดเป็นภาษาญี่ปุ่นมาเทียบเอง
5) อื่นๆ
- Web site และ Facebook การท่องเที่ยวของภูมิภาคต่างๆ ยังมีอีกแล้วแต่ว่าเราจะเดินทางไปที่ไหน รวมทั้ง web ของสถานที่ท่องเที่ยว หรือที่พักนั้นๆ เอง การเดินทางในแต่ละภูมิภาคก็มีรถไฟท้องถิ่นหรือแม้กระทั่ง JR ก็ยังแบ่งเป็นภูมิภาค ซึ่งจะไปที่ไหนคงต้องไปหาเพิ่มเติมกันเอาเองนะ
- แหล่งหาข้อมูลที่ขาดไม่ได้ทั้งในการหาที่เที่ยว ที่พัก และการเดินทางเลยก็คือ google, pantip, trekkingthai โดยเฉพาะอากู๋ อยากรู้อะไรก็แปะลงไป search โลด
- เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่รักภาษาของตัวเองมาก(เหมือนประเทศไทย?) การจะหาข้อมูลที่พักหรือที่เที่ยวบางแห่งอย่างละเอียด ต้องหา web ภาษาญี่ปุ่น แล้วใช้ google translate แปลอีกที ถ้าหาข้อมูลใน web version ภาษาอังกฤษไม่เจอ ลองกดเปลี่ยนเป็นญี่ปุ่นดูอาจจะเจอข้อมูลที่อยากได้ก็ได้
- ถ้าที่เที่ยวของเรามันเป็น unseen หาข้อมูลไม่ค่อยมี ลองใช้ key word ภาษาญี่ปุ่นหาดู โดยนำชื่อสถานที่ หรือชื่อเมืองเป็นภาษาญี่ปุ่น แปะหาใน google (หาจาก japan หรือ wikipedia ใน page อังกฤษมักจะวงเล็บภาษาญี่ปุ่นไว้) จะได้ web ภาษาญี่ปุ่นมาแล้วค่อยมา google translate กันอีกที
แผนเปลี่ยนครั้งที่ 1
หลังจากหาข้อมูลทั้งหมดแล้วเราก็จะพบข้อจำกัด/ข้อผิดพลาดต่างๆ ขอแผนฉบับร่าง ซึ่งในกรณีของยู้คือ
- วันที่ไป Disneyland เครื่องเล่น It’s small world ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่ตั้งใจจะไปเล่นเอามากๆ มันปิด!!! (ถ้าจะย้ายวันก็จะไม่ได้เห็นธีมฮาโลวีน)
- ย้ายโรงแรมบ่อยเกินไป ทำให้เสียเวลา check-in/check-out แถมเหนื่อยแบก และ เก็บกระเป๋าอีกต่างหาก
- วันที่ไป Disneyland และอยู่ในโตเกียวเดินทางน้อยมาก ใช้ JR pass ไม่คุ้มเลย ถ้าลดการใช้ JR มาเหลือ 7 วันได้จะคุ้มมาก
ด้วยเหตุนี้แผนเลยถูกปรับเป็น
- มาเที่ยวใกล้ๆ โตเกียวมากขึ้น และลดวันที่ออกไปไกลๆ ให้อยู่ภายใน 7 วัน(เพื่อให้ประหยัด)
- จัดที่พักมาอยู่ที่เดียวแล้วนั่งชิงกันเซนข้ามเมืองไปตอนเช้าๆแทน (ซึ่งก็เป็นผลดีเพราะถ้าจองโรงแรมเดียวกันติดกันหลายวันจะมีส่วนลด)
- แยกวันเที่ยว Disneyland ออกเป็น 2 วันในเดือนตุลา(เพื่อดูธีมฮาโลวีน) และอีก 2 วันในเดือนธันวา(เพื่อเล่น It’s small world และได้ของแถมคือได้ดูธีมคริสมาส) ซึ่งนอกจากจะทำให้ค่าตั๋วแพงขึ้นแล้ว ยังทำให้วันงอกเป็น 18 วันอีกด้วย
แผนเปลี่ยนครั้งที่ 2
ความจริงเหตุการณ์นี้เกิดหลังจากวางแผนเสร็จไปแล้ว แต่ขอมาเล่าตรงนี้ทีเดียว หลังจากวางแผนและจองโน่นนี่เสร็จแล้ว ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปหาข้อมูลโน่นนี่ไปเรื่อย และก็ได้ไปพบว่ามีงาน One Piece Grand Arena Tours จะจัดขึ้นในวัน ศุกร์-อาทิตย์หลังจากยู้กลับมา (เรากลับกันวันพุธ) ที่เซนได หลังจากคิดสะระตะอยู่หลายวัน สองพี่น้องก็กัดฟันโยนเงินลงไปเพิ่มพร้อมขอลาเพิ่มอีก 2 วัน และเลื่อนตั๋วเครื่องบินเพื่อไปเที่ยวงานนี้เพิ่มเติมโดยเฉพาะ ซึ่งค่าใช้จ่ายที่งอกมานอกจากจะมีค่าเปลี่ยนแปลงตั๋วเครื่องบินแล้ว ก็ยังมีค่าที่พัก ที่เที่ยวเพิ่มเติม และมีค่าตั๋วเดินทางไปเซนไดอีกต่างหาก
-- กำหนดแผนเที่ยวอย่างละเอียด --
หลังจากปรับแผนไปมาอยู่หลายรอบยู้ก็ได้ Final Plan มาสักที
Date | Travel |Hotel
27 Oct |BKK-NRT |Tokyo
28 Oct |Tokyo |Tokyo
29 Oct |Tokyo |Tokyo
30 Oct |Disneyland |Tokyo
31 Oct |Disneysea |Tokyo
1 Nov |Kamakura |Tokyo
2 Nov |Osaka |Osaka
3 Nov |Kobe |Osaka
4 Nov |Hiroshima |Hakata *Left big luggage @Osaka
5 Nov |Huis-Ten-Bosh |Osaka
6 Nov |Kyoto |Osaka
7 Nov |Obara |Takayama
8 Nov |Takayama |Tokyo
9 Nov |Fuji-Q Highland |Kawaguchi-ko *Left big luggage @Tokyo
10 Nov |Kawaguchi-ko |Tokyo
11 Nov |Tokyo |Tokyo
12 Nov |Disneysea |Tokyo
13 Nov |Disneyland |Tokyo
14 Nov |Nikko |Nikko *Left big luggage @Tokyo
15 Nov |Edo wonderland |Utsunomiya *Left big luggage @Tokyo
16 Nov |One Piece Arena Tour|Tokyo
17 Nov |Mitake |Tokyo
18 Nov |NRT-BKK
หลังจากนั้นเพราะว่าเราจะไม่เช่า wifi หรือ internet ใดๆ ไปยู้ทำ “คู่มือการเที่ยวอย่างละเอียด” และ print ไปหนึ่งปึกค่ะ โดยข้อมูลแต่ละวันจะมีดังนี้
- แผนการเดินทางเวลาในแต่ละวัน ว่าเวลาไหนไปไหน ควรจะออกจากแต่ละที่กี่โมง
- สถานที่เที่ยว/ร้านอาหาร : ตำแหน่งของสถานที่, แผนที่บริเวณนั้น, วิธีเดินทางไป (ออกจากสถานีประตูไหน เดินไปอย่างไร), ชื่อสถานที่เป็นภาษาญี่ปุ่น หรือเป็นรูปภาพ(ถ้ามี) เผื่อใช้ถามทาง, Highlight
- รูป/ภาษาญี่ปุ่น ของตั๋วแบบ package หรือลดราคาต่างๆ เผื่อว่าตอนซื้อคุยไม่รู้เรื่องจะได้ยื่นให้ดู
- แผนที่ที่พัก และเอกสารยืนยันการจอง
- Link อ้างอิง เผื่อมาเปิดดูเพิ่มเติมภายหลัง
- วิธีโดยสารรถไฟ
- นั่งจากที่ไหนไปที่ไหน ต้องขึ้นรถไฟขบวนอะไร ชานชลาไหน ต่อรถอย่างไร ใช้เวลาเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่ ออกกี่โมง ถึงกี่โมง (ยู้ใช้วิธี capture ภาพจาก hyperdia แปะโลด)
- ระหว่างทางที่นั่งรถไฟผ่านสถานีไหนบ้าง และสถานีถัดจากที่เราจะลงคืออะไร เผื่อว่าถ้าใกล้ๆ ถึงแล้ว จะได้เตรียมตัว หรือถ้าเลยแล้วจะได้รู้ตัว และช่วยให้เราดูป้ายแล้วรู้ว่ากำลังไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือเปล่า ถ้าสายไหนนั่งยาวๆ ก็จดมาแค่ 3-4 สถานีก่อนและหลังที่เราขึ้น/ลง และสถานีต้นทางปลายทางก็พอ
- แผนสำรอง เช่น ดูไว้ก่อนเลยว่าถ้าเวลาไม่ทันจะตัดอะไรออกดี หรือถ้าวันไหนดูแผนยังโล่งๆ ก็เผื่อที่เที่ยวไว้นิดหน่อย ถ้ามีเวลาเหลือค่อยแวะไป และที่สำคัญคือ ขบวนรถไฟสำรอง กรณีที่เราตกรอบที่วางแผนไว้ รอบถัดไปจะเป็นกี่โมงขึ้นที่ไหน เป็นต้น
ตัวอย่างหน้าตาแผน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น