วันอังคารที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2557

ญี่ปุ่น...สองสามวัน... : ก่อนจะไป..2 : 6 เดือน ก่อนออกเดินทาง

-- วางแผนเที่ยวแบบคร่าวๆ --


          ระหว่างที่คิดโน่นคิดนี่ เราก็เข้าร้านหนังสือไปหาเล่มที่น่าสนใจมาอ่าน ลองหาข้อมูลจาก web ต่างๆ แล้วเราก็มาเริ่มวางแผนกันอย่างจริงจังสักที ในช่วงนี้ยู้เข้าร้านหนังสือทีไรต้องเดินไปชั้นหนังสือท่องเที่ยวแล้วได้หนังสือเที่ยวญี่ปุ่นติดมาทุกทีไป

          ขั้นแรกยู้วางแผนคร่าวๆ ก่อนว่าจะไปที่ไหนบ้างและในแต่ละที่จะเที่ยวกี่วัน หลังจากนั้นยู้ก็ search หาตำแหน่งของสถานที่ต่างๆ ที่อยากไป และกิจกรรมที่อยากทำนั้น ต้องไปที่ไหน จังหวัดใด แล้วทำเครื่องหมายไว้บนแผนที่



  • Disneyland – ชิบะ (ใกล้ๆ โตเกียว) >> 4 วัน

  • Huis ten bosh – นางาซากิ

  • ซื้อโดจินชิ – อิเคะบุคุโระ โตเกียว

  • ปลาดิบ – ตลาดสึคิจิ โตเกียว หรือที่อื่นก็ได้

  • ชาเขียว – อุจิ เกียวโต

  • ทาโกะยากิ – Takoyaki museum โอซาก้า


          แล้วลองลากเส้นต่อจุดค่ะ สรุปว่าเราจะไปลงโตเกียว แล้วลงไปทางใต้เรื่อยๆ จนถึงนางาซากิ แล้วย้อนกลับมาโตเกียวอีกครั้ง ส่วนวันที่เหลือว่างๆ ก็ดูว่าตามเส้นทางที่ลากเส้นผ่านมีที่ไหนน่าเที่ยวหรือมีใบไม้แดงให้ชมบ้าง



  • ใบไม้แดง – จุดที่อยู่ในเส้นทาง และน่าจะเปลี่ยนสีในช่วงนั้นคือ Nikko, Takayama, Kawaguchigo, Hiroshima(นิดหน่อย) และเพิ่ม Obara เป็นจุดที่มีซากุระซึ่งบานในฤดูนี้ด้วย
           Draft แผนชุดแรกออกมาจึงเป็น Disney Land 4 วัน – Osaka – Huis Ten Bosh – Beppu – Hiroshima – Kobe – Kyoto – Takayama – Obara – Kawaguchigo – Tokyo






-- หาข้อมูลเพิ่ม (หาที่เที่ยว & ที่พัก & การเดินทาง) --


หลังจากได้แผนคร่าวๆ แล้วเราก็มาหาข้อมูลเพิ่มเติม

1) ที่เที่ยว

          ดูว่าในแต่ละเมืองมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอะไรบ้าง จำนวนวันที่กำหนดไว้พอเที่ยวไหม ที่ไหนคนเยอะจึงไม่ควรไปเสาร์อาทิตย์ ที่ไหนมีปิดให้บริการวันไหน ที่ไหนมีงานเทศกาลช่วงไหน พร้อมทั้งหาเวลาเปิดให้บริการ และค่าใช้จ่ายในการเข้าชม มาไว้เผื่อทำงบอย่างละเอียด



2) ที่พัก

          ในแต่ละวันเมื่อเที่ยวเสร็จแล้วควรจะพักที่ไหน ไม่ควรจะย้ายที่พักบ่อยเกินไปเพราะจะต้องมาเก็บกระเป๋า ลากกระเป๋าไปโน่นมานี่บ่อยๆ หาที่พักราคาถูกแล้วอย่าลืมดูว่าควรจะเดินทางสะดวกใกล้สถานีรถไฟด้วย ที่พักถูกกว่าแต่ไกลว่า บางทีคำนวณค่าเดินทางเพิ่มแล้วก็ถูกกว่ากันไม่เยอะนะ



Note: จองที่พักอย่างไรให้ราคาถูกดูในหัวข้อการจองห้องพักนะจ๊ะ

3) การเดินทาง

          ที่เที่ยวและที่พัก แต่ละที่ไปอย่างไร มีแผนที่ไหม และที่สำคัญสามารถเดินทางไปได้ทันตามที่เราวางแผนไว้หรือไม่

Web : web ของที่เที่ยว/ที่พัก, http://www.hyperdia.com/en/, http://www.japanrailpass.net/


4) สถานที่ชมใบไม้เปลี่ยนสี

          เนื่องจากใบไม้ไม่ได้เปลี่ยนสีตลอดเวลา อยากจะไปชมต้องไปให้ถูกวัน ตามหนังสือหรือ web ที่แนะนำสถานที่ชมใบไม้แดงมักจะบอกช่วงเวลาไว้อยู่แล้ว แต่มักจะเป็นเวลากว้างๆ ถ้าอยากรู้ให้ละเอียดลงไปอีก เราสามารถหาข้อมูลเพิ่มได้จาก

  • กะระยะเวลาได้จากการอ่าน review เก่าๆ ที่มีคนไปเที่ยวแล้วถ่ายรูปมา ว่าช่วงเวลานั้นลักษณะของใบไม้เป็นอย่างไร หรือใน web ก็จะมีรายงานและรูปภาพของปีก่อนๆ ที่สมาชิกช่วยกันแจ้งเข้ามา

  • ดู web พยากรณ์ ของญี่ปุ่น ประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องข้อมูลอย่างญี่ปุ่นแน่นอนว่ามีหลาย web ที่ทำนายว่า แต่ละสถานที่ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีช่วงไหน และ peak ช่วงไหน และบาง web มีข้อมูลในอดีตด้วย ซึ่งส่วนใหญ่การพยากรณ์ก็มีข้อมูลขึ้นช่วงใกล้ๆ ใบไม้ร่วงค่ะ(ใครมันจะไปนั่งทางในดูได้ล่วงหน้านานๆ ล่ะเนอะ) ถ้าใครวางแผนล่วงหน้านานๆ แบบยู้ก็ต้องเสี่ยง และดูจากข้อมูลปีก่อนๆ เอาหน่อยค่ะ
Web :

ภาษาญี่ปุ่นมี web อยู่หลากหลาย แต่คงต้องใช้ google translate ช่วยกันหน่อยล่ะ http://weathernews.jp/koyo, http://kouyou.nihon-kankou.or.jp/, http://kouyou.yahoo.co.jp/, http://www.rurubu.com/season/autumn/koyo/

ภาษาอังกฤษจะเป็นรายงานใบไม้แดงแต่ละปีที่สมาชิกถ่ายภาพส่งเข้ามาค่ะ   http://www.japan-guide.com/e/e2014.html

อันนี้ภาษาไทยแต่เป็นข้อมูลคร่าวๆ เฉยๆนะ http://www.yokosojapan.org/event/redleaf1.php


          ที่ยู้ชอบที่สุดคือ http://weathernews.jp/koyo มีข้อมูลปีก่อนๆ เป็นกราฟ ให้ด้วยว่าเริ่มแดงช่วงไหน peak ช่วงไหน มีเป็นแผนที่ด้วย ถ้าจะไป zone ไหนก็จิ้มในแผนที่ได้เลย แต่ปัญหาใหญ่มากคือมันดันเป็น flash อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ต้องต้องมั่วๆ จิ้มๆ แล้วเอาชื่อสถานที่ไป search google อีกที ไม่งั้นต้องไปหาชื่อจังหวัดเป็นภาษาญี่ปุ่นมาเทียบเอง

5) อื่นๆ

  • Web site และ Facebook การท่องเที่ยวของภูมิภาคต่างๆ ยังมีอีกแล้วแต่ว่าเราจะเดินทางไปที่ไหน รวมทั้ง web ของสถานที่ท่องเที่ยว หรือที่พักนั้นๆ เอง การเดินทางในแต่ละภูมิภาคก็มีรถไฟท้องถิ่นหรือแม้กระทั่ง JR ก็ยังแบ่งเป็นภูมิภาค ซึ่งจะไปที่ไหนคงต้องไปหาเพิ่มเติมกันเอาเองนะ

  • แหล่งหาข้อมูลที่ขาดไม่ได้ทั้งในการหาที่เที่ยว ที่พัก และการเดินทางเลยก็คือ google, pantip, trekkingthai โดยเฉพาะอากู๋ อยากรู้อะไรก็แปะลงไป search โลด

  • เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่รักภาษาของตัวเองมาก(เหมือนประเทศไทย?) การจะหาข้อมูลที่พักหรือที่เที่ยวบางแห่งอย่างละเอียด ต้องหา web ภาษาญี่ปุ่น แล้วใช้ google translate แปลอีกที ถ้าหาข้อมูลใน web version ภาษาอังกฤษไม่เจอ ลองกดเปลี่ยนเป็นญี่ปุ่นดูอาจจะเจอข้อมูลที่อยากได้ก็ได้

  • ถ้าที่เที่ยวของเรามันเป็น unseen หาข้อมูลไม่ค่อยมี ลองใช้ key word ภาษาญี่ปุ่นหาดู โดยนำชื่อสถานที่ หรือชื่อเมืองเป็นภาษาญี่ปุ่น แปะหาใน google (หาจาก japan หรือ wikipedia ใน page อังกฤษมักจะวงเล็บภาษาญี่ปุ่นไว้) จะได้ web ภาษาญี่ปุ่นมาแล้วค่อยมา google translate กันอีกที

แผนเปลี่ยนครั้งที่ 1

          หลังจากหาข้อมูลทั้งหมดแล้วเราก็จะพบข้อจำกัด/ข้อผิดพลาดต่างๆ ขอแผนฉบับร่าง ซึ่งในกรณีของยู้คือ

  1. วันที่ไป Disneyland เครื่องเล่น It’s small world ซึ่งเป็นเครื่องเล่นที่ตั้งใจจะไปเล่นเอามากๆ มันปิด!!! (ถ้าจะย้ายวันก็จะไม่ได้เห็นธีมฮาโลวีน)

  2. ย้ายโรงแรมบ่อยเกินไป ทำให้เสียเวลา check-in/check-out แถมเหนื่อยแบก และ เก็บกระเป๋าอีกต่างหาก

  3. วันที่ไป Disneyland และอยู่ในโตเกียวเดินทางน้อยมาก ใช้ JR pass ไม่คุ้มเลย ถ้าลดการใช้ JR มาเหลือ 7 วันได้จะคุ้มมาก

ด้วยเหตุนี้แผนเลยถูกปรับเป็น

  • มาเที่ยวใกล้ๆ โตเกียวมากขึ้น และลดวันที่ออกไปไกลๆ ให้อยู่ภายใน 7 วัน(เพื่อให้ประหยัด)

  • จัดที่พักมาอยู่ที่เดียวแล้วนั่งชิงกันเซนข้ามเมืองไปตอนเช้าๆแทน (ซึ่งก็เป็นผลดีเพราะถ้าจองโรงแรมเดียวกันติดกันหลายวันจะมีส่วนลด)

  • แยกวันเที่ยว Disneyland ออกเป็น 2 วันในเดือนตุลา(เพื่อดูธีมฮาโลวีน) และอีก 2 วันในเดือนธันวา(เพื่อเล่น It’s small world และได้ของแถมคือได้ดูธีมคริสมาส) ซึ่งนอกจากจะทำให้ค่าตั๋วแพงขึ้นแล้ว ยังทำให้วันงอกเป็น 18 วันอีกด้วย

แผนเปลี่ยนครั้งที่ 2

          ความจริงเหตุการณ์นี้เกิดหลังจากวางแผนเสร็จไปแล้ว แต่ขอมาเล่าตรงนี้ทีเดียว หลังจากวางแผนและจองโน่นนี่เสร็จแล้ว ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้ไปหาข้อมูลโน่นนี่ไปเรื่อย และก็ได้ไปพบว่ามีงาน One Piece Grand Arena Tours จะจัดขึ้นในวัน ศุกร์-อาทิตย์หลังจากยู้กลับมา (เรากลับกันวันพุธ) ที่เซนได หลังจากคิดสะระตะอยู่หลายวัน สองพี่น้องก็กัดฟันโยนเงินลงไปเพิ่มพร้อมขอลาเพิ่มอีก 2 วัน และเลื่อนตั๋วเครื่องบินเพื่อไปเที่ยวงานนี้เพิ่มเติมโดยเฉพาะ ซึ่งค่าใช้จ่ายที่งอกมานอกจากจะมีค่าเปลี่ยนแปลงตั๋วเครื่องบินแล้ว ก็ยังมีค่าที่พัก ที่เที่ยวเพิ่มเติม และมีค่าตั๋วเดินทางไปเซนไดอีกต่างหาก





-- กำหนดแผนเที่ยวอย่างละเอียด --

หลังจากปรับแผนไปมาอยู่หลายรอบยู้ก็ได้ Final Plan มาสักที


Date  | Travel             |Hotel
27 Oct |BKK-NRT             |Tokyo
28 Oct |Tokyo               |Tokyo
29 Oct |Tokyo               |Tokyo
30 Oct |Disneyland          |Tokyo
31 Oct |Disneysea           |Tokyo
1 Nov |Kamakura            |Tokyo
2 Nov |Osaka               |Osaka
3 Nov |Kobe                |Osaka
4 Nov |Hiroshima           |Hakata       *Left big luggage @Osaka
5 Nov |Huis-Ten-Bosh       |Osaka
6 Nov |Kyoto               |Osaka
7 Nov |Obara               |Takayama
8 Nov |Takayama            |Tokyo
9 Nov |Fuji-Q Highland     |Kawaguchi-ko *Left big luggage @Tokyo
10 Nov |Kawaguchi-ko        |Tokyo
11 Nov |Tokyo               |Tokyo
12 Nov |Disneysea           |Tokyo
13 Nov |Disneyland          |Tokyo
14 Nov |Nikko               |Nikko        *Left big luggage @Tokyo
15 Nov |Edo wonderland      |Utsunomiya   *Left big luggage @Tokyo
16 Nov |One Piece Arena Tour|Tokyo
17 Nov |Mitake              |Tokyo
18 Nov |NRT-BKK


          หลังจากนั้นเพราะว่าเราจะไม่เช่า wifi หรือ internet ใดๆ ไปยู้ทำ “คู่มือการเที่ยวอย่างละเอียด” และ print ไปหนึ่งปึกค่ะ โดยข้อมูลแต่ละวันจะมีดังนี้

  1. แผนการเดินทางเวลาในแต่ละวัน ว่าเวลาไหนไปไหน ควรจะออกจากแต่ละที่กี่โมง

  2. สถานที่เที่ยว/ร้านอาหาร : ตำแหน่งของสถานที่, แผนที่บริเวณนั้น, วิธีเดินทางไป (ออกจากสถานีประตูไหน เดินไปอย่างไร), ชื่อสถานที่เป็นภาษาญี่ปุ่น หรือเป็นรูปภาพ(ถ้ามี) เผื่อใช้ถามทาง, Highlight

  3. รูป/ภาษาญี่ปุ่น ของตั๋วแบบ package หรือลดราคาต่างๆ เผื่อว่าตอนซื้อคุยไม่รู้เรื่องจะได้ยื่นให้ดู

  4. แผนที่ที่พัก และเอกสารยืนยันการจอง

  5. Link อ้างอิง เผื่อมาเปิดดูเพิ่มเติมภายหลัง

  6. วิธีโดยสารรถไฟ

    1. นั่งจากที่ไหนไปที่ไหน ต้องขึ้นรถไฟขบวนอะไร ชานชลาไหน ต่อรถอย่างไร ใช้เวลาเท่าไหร่ ราคาเท่าไหร่ ออกกี่โมง ถึงกี่โมง (ยู้ใช้วิธี capture ภาพจาก hyperdia แปะโลด)

    2. ระหว่างทางที่นั่งรถไฟผ่านสถานีไหนบ้าง และสถานีถัดจากที่เราจะลงคืออะไร เผื่อว่าถ้าใกล้ๆ ถึงแล้ว จะได้เตรียมตัว หรือถ้าเลยแล้วจะได้รู้ตัว และช่วยให้เราดูป้ายแล้วรู้ว่ากำลังไปในทิศทางที่ถูกต้องหรือเปล่า ถ้าสายไหนนั่งยาวๆ ก็จดมาแค่ 3-4 สถานีก่อนและหลังที่เราขึ้น/ลง และสถานีต้นทางปลายทางก็พอ

  7. แผนสำรอง เช่น ดูไว้ก่อนเลยว่าถ้าเวลาไม่ทันจะตัดอะไรออกดี หรือถ้าวันไหนดูแผนยังโล่งๆ ก็เผื่อที่เที่ยวไว้นิดหน่อย ถ้ามีเวลาเหลือค่อยแวะไป และที่สำคัญคือ ขบวนรถไฟสำรอง กรณีที่เราตกรอบที่วางแผนไว้ รอบถัดไปจะเป็นกี่โมงขึ้นที่ไหน เป็นต้น

ตัวอย่างหน้าตาแผน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น