สถานที่ท่องเที่ยวสุดท้ายของเราคือมิตาเกะ ซึ่งเพิ่มเข้ามาทีหลังจากที่ปรับเพิ่มแผนไปแล้ว และเราไม่ได้ดูอะไรมามาก เพราะกะว่าจะให้เจ้าถิ่นชาวญี่ปุ่นพาไป(เซนเซย์นั่นเอง) วันนี้เราตื่นเช้าขึ้นมาทานอาหารที่เซนเซย์ทำให้ทาน รวมกับของบางอย่างที่ซื้อมาเมื่อวานเย็น เมื่อทานอาหารเสร็จแล้วก็ออกเดินทางขึ้นรถไฟไปมิตาเกะ
เมื่อถึงสถานีแล้วก็ต้องนั่งรถเมล์ต่อไปอีก โดยบนรถเมล์ใช้บัตร suica ได้ค่ะ พอมาถึงปลายทางแล้วก็ต้องซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าไปด้านบนเขาอีกต่อหนึ่ง โดยมีที่ซื้อตั๋วอัตโนมัติอยู่ ถ้าใครมีแบงค์ใหญ่ ก็ต้องไปแลกกับเครื่องแลกก่อน ปรากฏว่าเราใส่แบงค์หมื่นเยนเข้าไปแล้วมันติดค่ะ กินแบงค์เข้าไปเฉย แล้วไม่คายอะไรออกมาเลย ระหว่างที่ยืนอึ้งอยู่เซนเซย์ก็เข้ามาถามว่ามีอะไรและไปบอกเจ้าหน้าที่ให้ วันนี้เราก็เลยรอดการใช้ภาษามือไปอีกวันนึง ฮ่าๆ
นั่งกระเช้าขึ้นไปด้านบนแล้วก็จะพบจุดชมวิว และเราสามารถนั่งกระเช้าเล็กๆ ขึ้นไปอีกต่อหนึ่ง เป็นกระเช้าที่หน้าตาเหมือนชิงช้าที่นั่งขึ้นเขาตอนเล่นสกี แต่ว่าเตี้ยมากๆ ขาแทบจะถึงพื้นเลยค่ะ ถ้าใครไม่อยากขึ้นกระเช้าอันนี้ก็เดินขึ้นไปก็ได้ตามสะดวกจ้า เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนแล้วก็ได้เวลาเดินๆๆๆๆ ขึ้นไปตามทางชันๆ เพื่อขึ้นไปยังศาลเจ้าด้านบน ซึ่งเราก็มีเพื่อนร่วมทางทั้งวัยรุ่น และวัยกลางคนเต็มไปหมดเลยค่ะ
Mitake วิธีเดินทาง : นั่งรถไฟมาที่สถานี JR Ome แล้วต่อรถจนมาถึงสถานี Mitake แล้วต่อรถเมล์ไปต่อ cable car อีกที
ก่อนขึ้น Ropeway เจอแปะก๊วยต้นใหญ่
วิวจากด้านบน
นั่งกระเช้าต่อไปอีก 1 ชั้น
แผนที่มิตาเกะ
ระหว่างขึ้นไปศาลเจ้าก็มีใบไม้แดงให้ชม
เข้าสู่ทางชัน
เอาฮึบปีนหน่อย
ระหว่างทางนั้นก็มีใบไม้แดงสวยๆให้ชมกัน และมีบ้าน มี Hostel อยู่บนนี้ด้วยนะคะ สงสัยจังว่าคนที่อาศัยบนนี้นี่ลำบากไหมนะ ต้องมาขึ้นๆลงๆเขา ขึ้นมาถึงศาลเจ้าด้านบนแล้ว หลังจากไหว้ศาลเจ้า ก็ชักภาพ พักเหนื่อย และเข้าห้องน้ำกันเล็กน้อย แล้วก็กลับลงมาแต่คราวนี้เราใช้วิธีเดินลงแทนการขึ้นกระเช้าเล็กค่ะ จะได้ดูธรรมชาติสองข้างทางด้วย (เซนเซย์บอกว่ามีป้ายระวังหมีติดอยู่ตามทางด้วย เคยมีคนเห็นหมีออกมาแถวนี้) ถ้าใครขึ้นมาบนศาลเจ้าแล้วยังไม่สะใจข้างบนสามารถเดินต่อไปยังน้ำตกได้อีกนะคะ(ไม่รู้ว่าไกลหรือไม่อย่างไร) แต่ทริปนี้เราไม่ได้ไปต่อเนื่องจากดูท่าทางเซนเซย์จะเดินไม่ไหวแล้ว ตอนนั่งรถกลับฝนก็ตกปรอยๆ ลงมา ท่าทางดวงเรากับเซนเซย์จะถูกกับพระพิรุณนะเนี่ย หลังจากนั่งรถไฟกลับมาแล้ว เราก็ไปทานอาหารเที่ยง(ราเมง) กับเซนเซย์อีกหนึ่งมื้อ ก่อนจะขออำลากลับไปหาบลูซัง
รู้สึกชอบบ้านเรือนแถวนี้อย่างบอกไม่ถูก สงสัยว่าตอนสร้างเขาทำยังไงกันนะ
เหมือนจะถึงแล้วแต่แค่ปากทางค่ะ ข้างในมีบันไดต่อไปอีก
ใครเหนื่อยก็นั่งพักก่อนได้
หันกลับไปดูทางที่ปีนขึ้นมา
ตรงขั้นบันไดมีอะไรอยู่ด้วยน่ะ
ถึงจริงๆ แล้ว Musashi-Mitake Shrine
ด้านล่างเป็นที่เก็บชุดเกราะ (ถ้าเข้าใจไม่ผิดนะ)
อีกมุมหนึ่งของศาลเจ้า
ขาลงเดินกลับชิวๆ (แต่แค่ต่อเดียวนะ ไม่ได้ลงไปถึงข้างล่าง)
บ้านเมืองซ่อนอยู่ตามเขา
เจอโทริอินี้ก่อนจะไปถึงสถานีเพื่อนั่งรถกระเช้าลงไปด้านล่าง
วิวแม่น้ำ ถ่ายจากสะพานแถวสถานีรถไฟ
อีกด้านนึง
อาหารเที่ยงวันนี้ง่ายๆ กินราเมงแล้วกัน
จนตอนนี้ก็ยังสงสัยอยู่ว่าตรงไหนของมิตาเกะที่เขาชอบไปเที่ยวและถ่ายรูปกัน ตรงที่เป็นแม่น้ำข้างๆ สถานีรถไฟ หรือว่าจะต้องเดินบุกเข้าไปถึงน้ำตกกันนะ
กลับมาถึงที่พัก วันนี้บลูซังพาออกไป Shopping ของฝาก คือ ปากกาที่ลบได้ และพาไปดองกิโฮเต้ เพื่อซื้อขนมของฝากกลับไทย ก่อนจะพาไปกินเนื้อย่างกันที่ร้าน jojoen (เป็นร้านที่ดูหรู ชนิดที่ให้มาเองคงไม่กล้าเดินเข้ามา ที่สำคัญคือ ไฟแรงมาก พลิกเนื้อแทบไม่ทัน เผลอเหม่อเผลอเม้าท์เป็นไหม้ ฮา)
ร้านนี้มีหลายสาขา ซื่งคนค่อนข้างเยอะก่อนมาจองสักหน่อยก็จะดี http://www.jojoen.co.jp/
อาหารมาแล้วเตรียมย่าง
ลิ้นวัว >///<
เนื้อลายหินอ่อน
ของหวาน ร้านแถมให้ค่ะ
สรุปค่าใช้จ่ายวันนี้(รวม 2 คน)
- Coin Locker >>> 600 Yen
- รถเมล์(ส่วนทีเกินจากในบัตร) >>> 970 Yen
- Ropeway >>> 2,380 Yen
- อาหารเที่ยง >>> 2,000 Yen
- ขนม & อื่นๆ จิปาถะ ระหว่างวัน >>> 370 Yen
- ของฝาก >>> 6,230 Yen
ค่าใช้จ่าย | ไม่รวม Shopping | รวม Shopping |
วันนี้ | 6,320 | 12,550 |
รวม | 449,692 | 511,912 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น